หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๙๐

สกุณปักษาฉนั้น ควรด้วยราชประเพณีแลฤๅประการใด ก็ครั้งนี้ถึงซึ่งปราไชยแก่เราแล้ว จะคิดฉันใดเล่า ให้ว่าไปตามสัจตามจริง จะได้เปนเยี่ยงอย่างกระษัตริย์สืบไปภายน่า พระยาแลวกกราบถวายบังคมแล้วทูลว่า ซึ่งข้าพระองค์เปนคนโลภเจตนา มิได้กระทำสงครามตามราชประเพณีกระษัตริย์ ไปลักลอบกระทำเปนเสี้ยนหนามแก่พระนครศรีอยุทธยานั้น โทษผิดถึงตาย ถ้าพระองค์พระราชทานชีวิตรไว้ กรุงกัมพูชาธิบดีจะได้เปนข้าขัณฑเสมากรุงเทพมหานคร ถ้ามิเลี้ยง ก็จะก้มหน้าตาย สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวได้ทรงฟังพระยาแลวกดังนั้นจึงตรัศว่า เราได้ออกวาจาไว้แล้วว่า ถ้ามีไชยแก่ท่าน เราจะทำพิธีประถมกรรมเอาโลหิตท่านล้างบาทาเสียให้จงได้ ท่านอย่าอาไลยแก่ชีวิตรเลย จงตั้งหน้าหาความชอบในปรโลกนั้นเถิด บุตรภรรยาญาติประยูรวงษ์นั้นเราจะเลี้ยงไว้ให้มีความศุขดุจแต่ก่อน ตรัศดังนั้นแล้วก็มีพระราชบริหารแก่มุขมนตรีให้ตั้งการพิธีประถมกรรมโดยสาตร พระโหราธิบดีชีพ่อพราหมณก็จัดแจงการนั้นเสร็จ จึงเชิญเสด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นบนเกย เจ้าพนักงานองครักษ์เอาตัวพระยาแลวกเข้าใต้เกย ตัดเอาศีศะ เอาถาดรองโลหิตขึ้นไปชำระพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระโหราธิบดีก็ลั่นฆ้องไชย ชีพ่อพราหมณเป่าสังข์ประโคมดุริยดนตรีถวายมุรธาภิเศก ทรงอาเศียรพาทโดยสาตรพิธีเสร็จ เสด็จเข้าพลับพลา

 รุ่งขึ้น สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ทรงเครื่องสำหรับราชรณยุทธเสร็จ สมเด็จพระนเรศวรเปนเจ้าทรงม้าพระที่นั่งเจ้าพระยาราชพาหนะสูงสามศอกคืบสองนิ้ว สมเด็จพระเอกาทศรฐทรงม้าพระ