หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๙๔

ด้วยมหาเสวตรฉัตรกลิ้งกลดบังทินกรบวรบังแทรกชุมสายพรายพรรณดาษดา ศัพทโกลากาหฬกึกก้องกลองชนะแตรสังข์สนั่นเนียรนาท พระบาทเสด็จกรีธาพลเลียบทอดพระเนตรดูท้องที่ซึ่งจะให้พลทหารเข้าปีนเมือง.

 ฝ่ายพระยาตนาวศรีออกมายืนถือหอกกั้นสับประทนอยู่บนเชิงเทิน แลเห็นพลสมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้าดุจสายน้ำอันไหลหลั่งถั่งมาเมื่อวสันตฤดู แล้วได้ยินเสียงปี่กลองแตรสังข์ ตกใจตลึงไป หอกพลัดตกจากมือมิได้รู้ บ่าวไพร่ทั้งปวงเห็นดังนั้นก็เสียใจ พูดเล่ากันต่อไปว่า นายเราเห็นจะป้องกันเมืองไว้มิได้ พลทหารทั้งปวงก็ยิ่งครั่นคร้ามพระเดชเดชานุภาพเปนอันมาก สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเสด็จเลียบดูรอบเมืองตนาวศรี เห็นน่าที่ด้านข้างอุดรทิศจะเข้าได้ เสด็จกลับมายังค่ายหลวง จึงมีพระราชกำหนดให้นายทัพนายกองทำบันไดร้อยอัน ปลายบันไดนั้นให้ผูกพลุเพลิงพเนียงจงครบ เพลาตีสิบทุ่ม ถ้าได้ยินเสียงปืนใหญ่สามนัดเปนสำคัญแล้ว ให้เอาบันไดพาดจุดพลุพเนียงปีนเอาเมืองให้ได้ ท้าวพระยามุขมนตรีนายทัพนายกองรับพระราชโองการแล้ว ก็มาจัดแจงการทั้งปวงไว้สรรพ กับพลทหารอาสาพันหนึ่งซึ่งจะเข้าปีนเอาเมืองพร้อมเสร็จ ครั้นเพลาสามยาม สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นบนเกยคอยฤกษ์ เดชะพระบารมีสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ถ้าจะมีไชยแก่ข้าศึกครั้งใด ก็ให้เห็นศุภนิมิตรประจักษ์ทุกครั้ง พอเพลาล่วงสามยามเจ็ดบาท พระสาริริกบรมธาตุใหญ่เท่าผลส้มเกลี้ยงเสด็จผ่านด่านเมืองตนาวศรีมาแต่ทิศอุดรไปเฉียงอาคเณย์ พระรัศมีสว่างวาบไปทั้งอากาศแลปัถพี สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเห็นดังนั้น