หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๐๐

กรุงหงษาวดีเห็นจะเสียแก่มอญขบถ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ได้ทราบความดังนั้น จึ่งพระราชทานพระราชอาชญาสิทธิ์ให้เจ้าพระยาจักรีเปนนายทัพยกพล ๑๕๐๐๐ ช้างเครื่อง ๑๐๐ ม้า ๒๐๐ ออกไปตั้งมั่นปลูกยุ้งฉางทำไร่นาณเมืองเมาะลำเลิ่งไว้ท่าทัพหลวง จึ่งดำรัศให้เจ้าฟ้าแสนหวีไปด้วยเจ้าพระยาจักรี แล้วเกณฑ์ทัพเมืองทวาย ๕๐๐๐ ให้ขึ้นไปตั้งตำบลเกาะพะรอกเมืองวังราวขอบฝั่งชเลตวันตกหนุนทัพเจ้าพระยาจักรี ๆ จะได้ใช้ราชการสดวก แลกองทัพพระยาศรีไศลให้เอาไว้ แต่ตัวพระยาศรีไศลกับพรรคพวกนั้นให้กลับเข้ามารับราชการณกรุง.

 ฝ่ายเจ้าพระยาจักรีกราบถวายบังคมลายกไปถึงเมืองเมาะลำเลิ่ง แล้วตั้งค่ายขุดคูปลูกยุ้งฉาง กะเกณฑ์มอญชาวเมืองเมาะลำเลิ่งแลไทยกองทัพทำไร่นาแลตั้งทำเรือรบเรือไล่เปนอันมาก พระยาศรีไศลกับพรรคพวกก็กลับเข้ามารับราชการ.

 ฝ่ายเจ้าเมืองเมาะตมะ เจ้าเมืองละเคิ่ง เจ้าเมืองขะลิก เจ้าเมืองบัวเผื่อน เจ้าเมืองพสิม เจ้าเมืองตองอู รู้ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวณกรุงเทพมหานครศรีอยุทธยาให้กองทัพพระยาจักรียกมาตั้งทำไร่นาณเมืองเมาะลำเลิ่งไว้เปนเสบียง เดือนอ้ายปลายปี ทัพหลวงจะเสด็จยกไปตีเอาเมืองหงษาวดี ต่างคนต่างเกรงพระเดชเดชานุภาพ ก็แต่งพม่ามอญผู้ดีให้ถือหนังสือแลเครื่องบรรณาการลงมาณเมืองเมาะลำเลิ่ง เจ้าพระยาจักรีก็บอกส่งผู้ถือหนังสือแลเครื่องบรรณาการเข้ามายังกรุงเทพมหานคร เสนาบดีเอากราบทูล พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวดำรัศให้เบิกพม่ามอญผู้ถือหนังสือเข้าเฝ้า แลในหนังสือเจ้าเมืองเมาะตมะ เจ้าเมืองพสิม เจ้าเมือง