หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๑ (๒๔๕๕) b.pdf/265

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๐๖

สุระนายบ้านจอยยะกับพวกรามัญ ๑๐๐ คนลอบอยู่ในป่า ครั้นเห็นได้ที ก็วิ่งกรูกันเข้าจับขุนจบแลพวกไปได้ ๙ คน ไพร่ ๕ คนหนีได้ก็วิ่งไปบอกพวกกองทัพว่า มีรามัญประมาณ ๑๐๐ เศษมาจู่จับขุนจบกับไพร่ไป ๙ คน นายทัพนายกองแจ้งดังนั้นก็ให้จัดแจงกันไปตาม ๓๐๐ ทัน พวกรามัญได้รบกัน พวกรามัญป่วยตายหลายคนต้านทานมิได้ก็แตกไป กองทัพไทยก็ได้ตัวขุนจบกับไพร่ ๙ คนกลับมาแจ้งแก่เจ้าพระยาจักรี เจ้าพระยาจักรีจึงหาตัวพระยาพะโรเจ้าเมืองเมาะลำเลิ่งมาถามว่า เหตุผลทั้งนี้เปนประการใด เจ้าเมืองเมาะลำเลิ่งไม่รับว่า มิได้รู้ เจ้าพระยาจักรีมิฟัง จะให้จำพระยาพะโร ๆ เห็นความจะไม่พ้นตัวจึงอุบายว่า จะขอไปตามเอามอญเหล่าร้ายให้ได้ เจ้าพระยาจักรีมิทันพิเคราะห์สำคัญว่าจริงก็ปล่อยตัวไป พระยาพะโรจึงคิดกับกรมการว่า เราจะไปตามจับบ่าวของเรามากะไรเล่า ถึงจะแก้ไขประการใด ความอันนี้เห็นจะไม่ลับ จะนิ่งอยู่ดังนี้จะพากันตายเสียสิ้น จำจะหนีข้ามไปเมืองเมาะตมะ คิดเห็นพร้อมกันแล้ว ก็แต่งคนเร็วเอาการไปแจ้งแก่พระยาลาว ๆ ก็ให้เอาเรือมาคอยรับ ครั้นเพลาสองยาม พระยาพะโรก็พาครัวอพยพหนีออกจากเมือง พอรุ่งก็ลงเรือข้ามไปเมืองเมาะตมะ เพลารุ่งเช้า เจ้าพระยาจักรีรู้ว่า พระยาพะโรเจ้าเมืองเมาะลำเลิ่งเทครัวหนีไปสิ้น ก็แต่งกองทัพตามมาถึงฝั่งน้ำไม่ทันก็กลับไป.

 ฝ่ายพระยาพะโรก็แจ้งแก่พระยาลาวเจ้าเมืองเมาะตมะทุกประการ พระยาลาวจึงว่า ซึ่งทำการมิได้ไทยมาเสียทีเสียครั้งหนึ่งแล้วก็แล้วไปเถิด แต่เราวิตกว่า ท่านอยู่ณเมืองเมาะลำเลิ่งนั้น อุประมาเหมือนหนึ่งฝูงมฤคชาติอันอยู่ในปากเสือ ซึ่งพากันอพยพมาได้สิ้นนั้น เรามีความยิน