หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๑ (๒๔๕๕) b.pdf/267

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๐๘

เจ้าพระยาจักรีแจ้งในท้องตรารับสั่งดังนั้น ก็กลัวพระราชอาชญาเปนอันมาก แลเร่งรัดให้นายทัพนายกองทำเรือรบเรือไล่ เสร็จแล้วก็ให้ลากลงไว้ในคลองน้ำ แลคิดแต่งกองทัพทั้งปวงให้เกี่ยวเข้า ๔ กอง ๆ ละ ๕๐๐ คอยสกัดตีเหล่ามอญขบถทุกวัน พวกมอญเห็นกองทัพไทยมากต้านทานมิได้ก็หลบหลีกเข้าในป่า นายทัพนายกองให้เร่งเกี่ยวเข้าเบาแลเข้าหนักในแขวงเมืองเมาะลำเลิ่งนวดขนเข้า ๆ ไว้ในฉางได้ประมาณ ๒๐๐๐ เกวียน.

 ส่วนพระยาลาวเจ้าเมืองเมาะตมะแต่งชาวด่านให้มาประจำข่าวราชการอยู่ทางแม่ลำเมาทางตองอูทางแม่จันแม่กระษัตรให้รู้ว่า ทัพหลวงณกรุงพระนครศรีอยุทธยาจะยกมาฤๅ ๆ มิมา.

 ฝ่ายสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ครั้นให้หนังสือตอบมายังเมืองเมาะลำเลิ่งแล้ว ก็มีพระราชโองการแก่ท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุขทั้งปวงให้เตรียมทัพพร้อมเสร็จ กำหนดทัพหลวงจะเสด็จโดยทางชลมารคณวัน ค่ำไปขึ้นบกเมืองกาญจนบุรี ให้กองทัพบกทั้งปวงล่วงไปคอยรับเสด็จให้พร้อม ท้าวพระยานายทัพนายกองก็ยกช้างม้ารี้พลไปยังเมืองกาญจนบุรีตามพระราชกำหนด.

 ครั้นถึงณวัน ค่ำ เพลารุ่งแล้ว ๒ นาฬิกา ได้มหาอุดมฤกษ์ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ก็ทรงเครื่องศิริราชอลังการสรรพาภรณ์วิไชยยุทธสรรพเสร็จ เสด็จลงสู่พระที่นั่งกนกรัตนวิมานมหานาวา อันรจนาด้วยกาญจนมณีชัชวาลทั้งคู่ดูพันฦก อธึกด้วยเรือจำนำท้าวพระยาสามนตราชฝ่ายทหารพลเรือนเรียงประจำจับฉลากสลอนสลับคับคั่งตั้งโดยขบวนพยุหบาตรา พระโหราราชครูธิบดี