หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๑ (๒๔๕๕) b.pdf/268

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๐๙

ศรีพิชาจารย์ก็ลั่นฆ้องไชย ให้คลายเรือพระที่นั่งสุวรรณหงส์อันทรงพระพุทธปฏิมากรทองนพคุณบรรจุพระสาริริกบรมธาตุถวายพระนามสมญาพระไชยนั้นไปก่อน แล้วเรือขบวนน่าทั้งปวงไปโดยลำดับ เรือพระที่นั่งแลเรือแห่ซ้ายขวากระบวนหลังทั้งปวงก็โดยเสด็จดาดาษไปในท้องอรรณพมหานทีธาร ประทับร้อนแรมห้าเวนก็ถึงเมืองกาญจนบุรี เสด็จยังพลับพลาที่ประทับ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเสด็จแรมพักช้างม้ารี้พลจัดกองทัพสามเวน แลกองทัพหลวงเสด็จครั้งนั้น พลสกรรจ์ลำเครื่อง ๑๐๐๐๐๐ ช้างเครื่อง ๘๐๐ ม้า ๑๕๐๐.

 ครั้นรุ่งขึ้น จะเสด็จในเพลาสิบทุ่ม สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงพระสุบินว่า ยังมีสิงคาลตัวน้อยมาคาบลากเอาพระยาคชสารตัวใหญ่ไปสู่ประเทศแห่งตนได้ ในพระสุบินว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัศเห็นปลาด เสด็จตามไปจะชิงเอาพระยาคชสารก็มิได้ ด้วยป่านั้นเปนทางทุรัศกันดารนัก เท่านั้นก็ประธมตื่น พอตี ๑๑ ทุ่มนั้น จึงตรัศให้พระโหราซ้ายขวาพยากรณ์ พระโหราธิบดีถวายพยากรณ์ทำนายว่า เสด็จพระราชดำเนินมาครั้งนี้เพื่อจะไปกระทำยุทธนาการด้วยพระเจ้าหงษาวดี เอาถานพระเจ้าหงษาวดีเปนที่ตั้งดังพระยาคชสาร ซึ่งว่ามีสิงคาลตัวน้อยมาขบคาบเอาพระยาคชสารไปได้ดังนั้น ดีร้ายจะมีปรปักษ์เมืองใดเมืองหนึ่งแต่ว่าเปนเมืองน้อยมาปลอมปล้นลดต่ำพระองค์พระเจ้าหงษาวดีลงเสียจากเสวตรฉัตรแล้วพาไปเมืองแห่งตน ทัพหลวงจะได้เสด็จติดตามไป แต่ทว่า เห็นจะมิได้พระเจ้าหงษาวดีคืนมา จะขัดสนด้วยเหตุสิ่งใดสิ่งหนึ่งเปนแท้ พระสุบินนั้นเปนเทพสังหรณ์บอกเหตุ ใช่จะร้ายสิ่งใดหามิได้ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ครั้นตรัศได้ทรง

๑๔