หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๑ (๒๔๕๕) b.pdf/269

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๑๐

ฟังดังนั้นแล้ว จึงทรงพระกรุณาตรัศว่า ซึ่งทำนายทั้งนี้โดยลักษณพระสุบิน แต่เรามาเห็นว่า พระเจ้าหงษาวดีเปนใหญ่ในรามัญประเทศแต่ครั้งพระบรมราชบิดามา เปนปึกแผ่นมั่นคงดุจเขาพระสุเมรุราช แลซึ่งผู้ใดจะอาจเอื้อมทำอันตรายนั้น เห็นยังไม่ได้ก่อน จำเราจะยกไปแก้แค้นเมืองเมาะตมะแลหัวเมืองรามัญทั้งปวงซึ่งประทุษฐร้ายหมิ่นเราให้สากะใจ จึงค่อยคิดราชการต่อไป ตรัศแล้ว รุ่งขึ้น ๓ นาฬิกา ๖ บาท เพลาได้มหาเพชรฤกษ์ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ก็ทรงเครื่องสำหรับพิไชยสงครามเสร็จ สมเด็จพระนเรศวรบพิตรเปนเจ้าเสด็จทรงช้างพระที่นั่งเจ้าพระยาปราบไตรจักรเปนพระคชาธาร สมเด็จพระเอกาทศรฐอิศวรบรมนารถเสด็จทรงช้างต้นพระยาจักรมหิมาเปนพระคชาธาร ประดับด้วยพิริยทวยหาญแห่เปนขนัดแน่นแสนสารสินธพพยุหดูพิฦกดาดาษด้วยธงทิวแถวทวนทองน่าพระคชาธาร อลงการด้วยเครื่องพระอภิรุมชุมสายพรายพรรณกลิ้งกลดจามรมาศบังบรมทิพากรอันจรัสส่อง อุโฆษด้วยเสียงกาหฬฆ้องกลองชนะนำเสด็จโดยมารควิถีแถวเถื่อนทุเรศ ประทับร้อนแรมหลายเวนบรรลุถึงด่านพระเจดีย์ ๓ องค์ เสด็จไปประทับแรมตั้งค่ายหลายลำน้ำแม่กระษัตร.

 ฝ่ายชาวด่านรามัญซึ่งมาประจำฟังข่าวอยู่นั้นเห็นกองทัพยกมาก็ลอบดูในป่า ประจักษ์แจ้งว่า เปนกองทัพหลวงแล้ว ก็รีบเอาเนื้อความไปแจ้งแก่เจ้าเมืองเมาะตมะ ๆ จึงบอกข้อราชการไปเมืองหงษาวดีแลเมืองตองอู ขณะเมื่อหนังสือบอกเมืองเมาะตมะไปถึงนั้น พระเจ้าหงษาวดีทรงพระประชวรอยู่ จึงสั่งแก่เสนาบดีว่า ราชการครั้งนี้ เราป่วยทุพลภาพอยู่แล้ว ให้คิดกันรักษาพระนครให้ดี แล้วให้บอกไปถึงพระยาตองอูหลานเราให้ยก