หน้า:พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัดถเลขา ภาค ๑ (๒๔๕๕) b.pdf/276

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๑๗

 ส่วนพระยาละเคิ่งซึ่งใช้ให้ทูตานุทูตถือพระราชสาสนมาถวายบังคมขอเปนพระราชไมตรีแลว่า พระยาละเคิ่งจะยกช้างม้ารี้พลมาช่วยงานพระราชสงคราม แลเมื่อทัพหลวงเสด็จถึงเมืองหงษาวดีครานั้น พระยาละเคิ่งมิได้ยกทัพมาเองดุจมีพระราชสาสนมานั้น พระยาละเคิ่งก็ใช้แต่ท้าวพระยาให้ยกทัพเรือพล ๕๐๐๐ มาถึงตำบลมุตาว แลสั่งท้าวพระยาผู้มานั้นให้ยกพลขึ้นมาเข้าทัพหลวงโดยเสด็จงานพระราชสงคราม จึงพระยาผู้มาเปนนายกองนั้นก็ให้มาถึงพระยาพระรามให้กราบทูลพระกรุณาว่า จะขอมาถวายบังคม แลจะยกพลห้าพันนั้นมาเข้าทัพหลวงโดยเสด็จตามกำหนดพระยาละเคิ่งสั่งมานั้น.

 พระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ก็มีพระราชโองการตรัศแก่ท้าวพระยาเสนาบดีมนตรีมุขทั้งหลายว่า พระยาละเคิ่งให้สัตย์ประฏิญาณว่า จะยกมาเองช่วยการพระราชสงคราม แลพระยาละเคิ่งมิได้ยกทัพมาเองนั้น แล้วใช้แต่ท้าวพระยาให้ถือพลมาเข้าทัพเรานี้ แลเราจะเอาชาวละเคิ่งไปโดยเสด็จนั้นดูมิควร จึงมีพระราชโองการตรัศสั่งแก่พระยาพระรามให้ห้ามชาวละเคิ่งมิให้โดยเสด็จ แลให้แต่งพระราชทานรางวัลให้แก่ท้าวพระยาชาวละเคิ่งผู้มานั้นโดยบันดาศักดิ์ แล้วก็ให้คืนลงไปยังทัพเรือ.

 ส่วนพระยาตองอู ครั้นไปถึงเมืองตองอู จึงแต่งพม่าผู้ดีชื่อ มังรัดอ่อง แลคนประมาณสองร้อย ให้ถือหนังสือมาถวายกับพระธำมรงค์เพ็ชรสามยอดสำหรับพระเจ้าหงษาวดีทรงนั้น ให้มังรัดอ่องถือมาถวายโดยคลองพระราชไมตรี จึงพระมหาเทพยกทัพม้าไปเปนทัพน่า ยังประมาณสามคืนจะถึงเมืองตองอู ก็พบชาวตองอูซึ่งพระยา