หน้า:ภูตผีปีศาจของไทย (เหม เวชกร).pdf/468

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๐๖│๒๐๗

โดยการเดินเท้า บ้านเราเมื่อหมดหน้าน้ำแล้ว ทุกคนจะต้องพึ่งขาตัวเองโดยเดินบก ทางน้ำเลิกกัน เรือเข็นขึ้นแห้ง ลุงโนดเดินผ่านหน้าเรือนเรา ได้หยุดยืนพูดกับตาผมและยายที่กำลังร่อนรำข้าว ส่วนผมกับพี่พุกกำลังตำข้าวอยู่ ทางบ้านผมไม่นิยมส่งข้าวไปโรงสี เพราะข้าวสารตำเองกินอร่อยกว่าข้าวสารโรงสี อีกอย่างหนึ่ง คือ เรายังได้รำข้าวไว้ใช้การ เช่น เลี้ยงเป็ดและเลี้ยงปลาหลังบ้าน

ท่าทางลุงโนดคุยกับตาดูขึงขังผิดตา ผมจึงหยุดคำข้าวเพื่อฟังลุงโนดพูด

"ท่านพระครูท่านว่า จนใจจริง ๆ ถ้าไม่รับไว้ ก็จะเคืองใจกันหลายอย่าง" ลุงโนดว่า

"อือ! ก็จริงของท่าน" ตารับคำ "แล้วนี่เอาศพนอนแผ่ไว้บนศาลานั่นเรอะ?" ตาถาม ผมกับพี่พุกได้ยินคำพูดของตาคำนี้ชักสะดุ้ง เอ๊ะ มันเป็นเรื่องแปลกหู ศพใครที่ไหนกัน

"ก็ทิ้งไว้ยังงั้นน่ะซี เจ้าของศพเขาว่า ตอนเช้าจะมาจัดการว่าจ้างคนที่วัดต่อโลงศพ แต่นี่ก็ยังไม่มา เห็นจะเป็นบ่ายละมั้ง" ลุงโนดว่า

"อุวะ เมื่อคืนก็ทิ้งศพไว้เอ้กา?"

"อ๋อ เปล่า! มีคนเฝ้าอยู่สองคน" ลุงโนดบอก "มันยากใจพระครูท่านไม่ใช่เล่น ธรรมดาศพจะมาวัด มันต้องมีใบมรณบัตรมาด้วย แต่นี่รีบเอาศพมาก่อน มันยากกับทางวัดจะรับไว้โดยผิดระเบียบ แต่ทิดหาญ พี่ชายทิดกล้าคนที่ตาย เขาว่า มันกะทันหัน คนตายกลางทุ่ง จะเอาเข้าบ้านก็ไม่ได้ จึงเอามาวัดก่อน กว่าจะได้บอกกำนันและอำเภอก็เห็นจะบ่าย"

"เรื่องนี้มันน่ามีปัญหาฮิโนดฮิ" ตาว่า "ใครจะว่าตายโดยถูกคนแอบยิง หรือไปปล้นเขาแล้วถูกเจ้าทรัพย์ยิงตาย ก๊กนี้มันก็รู้ ๆ กันอยู่นะพวกเรา ถึงเดี๋ยวนี้เขาจะตั้งเนื้อตั้งตัวร่ำรวย แต่อ้ายก่อน ๆ มามันก็เสือ ๆ" ตาพูด

ทั้งหมดที่ลุงโนดพูดกับตาก็ได้ความว่า ลุงโนดไปธุระ ผ่านวัดมาพบกับท่านพระครู ก็เลยรู้เรื่องการตายของทิดกล้าว่า ถูกลอบยิงโดยกำลังขี่ม้าเดินทางกลับบ้านเขา แต่พี่ก็เอาศพมาไว้บ้านเรา ก็เพราะบ้านเขาอยู่หนองตาโล่ ย้อนกลับไปก็ลำบาก แต่เรื่องไม่มีใบมรณบัตรมันก็