หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
(๕)
ฎีกา ๑๘๘/๑๑๘ | มรดกนั้นเปนของกลางในระหว่างญาติที่ปกครองมา |
อ. ขำ–น. โต. | ด้วยกัน แลผู้ใดฝ่ายหนึ่งฟ้องขอให้ศาลเรียกมาแบ่ง |
ได้ ถึงเดิน ๑ ปีแล้วก็ดี. | |
ฎีกา ๒๑๕/๑๒๘ | เพราะฉนั้น การแบ่งมรดกเมื่อพ้น ๑ ปีแล้ว จึงเปน |
อ. จู–น. บุตร์. | ดังนี้ คือ (๑) สิ่งใดที่ยังปกครองอยู่ด้วยกัน แบ่ง |
ได้ตามส่วนในกฎหมาย (๒) สิ่งใดที่ไม่ได้ปกครอง | |
ด้วยกัน ไม่ต้องแบ่ง. | |
(กฎหมายมรดกเปนกฎหมายเก่า ซึ่งได้ตรา | |
ขึ้นไว้ตั้งแต่ครั้งรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเอกาทศรส | |
ประมาณ ๓๐๐ ปีมาแล้ว ข้อบัญญัติในบางแห่ง เมื่อ | |
เทียบกับกาลสมัยแลขนบธรรมเนียมได้เปลี่ยนแปลงผิดกว่า | |
แต่ก่อนมาก เมื่อเอาข้อบัญญัตินั้น ๆ มาเทียบดูกับ | |
สมัยนี้ ก็กลับทำให้เห็นว่า ไม่เปนยุติธรรมแก่คู่ความ | |
เพราะฉนั้น ในคดีเรื่องใดที่ศาลเห็นว่า กฎหมายแบ่งมรดก | |
ฎีกา ๔๕๔/๑๒๑ | ผิดความยุติธรรมมาก ก็โปรดเกล้าฯ ให้ศาลมีอำนาจ |
อ. กัน–อ. แพ. | นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระ |
กฎ. ยุติ. ที่ ๑๑. | บรมราชวินิจฉัยเปนพิเศษได้.) |
มรดก ๔๕. | อนึ่ง ในการแบ่งมรดกนั้น ไม่จำเปนต้องฟ้องขอให้ |
ศาลแบ่งเสมอไป บรรดาญาติที่จะได้รับมรดกด้วย | |
กันจะตกลงแบ่งปันมรดกกันเองก็ได้ แลเมื่อแบ่ง | |
ปันกันเสร็จแล้วไปแล้ว จะเรียกคืนมาแบ่งกัน | |
ใหม่ไม่ได้ | |
ฎีกา ๓๗๑/๑๒๑ | ส่วนการตกลงจะแบ่งปันกันนั้น ไม่จำเปนต้อง |
อ. สุน–ขุนโภคา. | ทำเปนลายลักษณอักษร สัญญากันด้วยปากเปล่า |