หน้า:ลัทธิฯ (๒๓) - ๒๔๗๓.pdf/22

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๖

หมากกันมาก แต่ผู้ที่มาในสมัยนี้รับประทานหมากลดน้อยลง

พิธีแต่งงานจีนยังเรียกตามแบบโบราณสืบเนื่องกันมาจนทุกวันนี้ว่า ลักเล้ย (คือแปลว่า พิธีครบ ๖ ประการ) แต่ส่วนที่ทำจริงหาได้ทำตามพิธีโบราณไม่ ชาวเมืองเตี้ยจิวไต้ตั้งชื่อพิธีขึ้นใหม่ คือ ข้อที่ ๑ นับไช้ เป็น เคียะเตี้ย, ข้อที่ ๒ มึ่งเมี้ย เป็น กั้วเตี้ย, ข้อที่ ๓ นับกิ้ด เป็น คั่งฮวย, ข้อที่ ๔ นับเต็ง เป็น สั่งเพี่ย, ข้อที่ ๕ เชี้ยคี้ เป็น คุยซี่ยิด, ข้อที่ ๖ ชินเง้ง เป็น ซั่วซินนั้ง, คำซึ่งต่างกันนี้เรียกตามภาษาพื้นเมือง แต่ความหมายอย่างเดียวกัน ต่อมาในปลายแผ่นดินไต้เช็ง ได้ย่นการพิธีลักเล้ยทั้งเก่าและใหม่เข้ารวมกัน ทำพิธีเพียง ๓ ระยะเท่านั้น เพื่อให้สะดวกแก่กันทั้งสองฝ่าย และไม่ต้องเสียเวลาอันยืดยาด คือ เอาพิธีเคียะเตี้ยและกั้วเตี้ยรวมเป็นระยะแรกตอน ๑ เอาพิธีคั่งฮวยและสั่งเพี่ยรวมเป็นพิธีระยะที่ ๒ ตอน ๑ เอาพิธีคุยซี่ยิดและซั่วซินนั้งรวมเป็นระยะที่ ๓ ตอน ๑ เมื่อได้ทำพิธีตลอด ๓ ระยะนี้แล้ว ก็ถือกันว่า ได้ทำพิธีแต่งงานอันถูกต้องแล้ว และไม่เป็นการเยิ่นเย้อดังแบบเก่า จึงพากันนิยมใช้แบบหลังนี้ทั่วไป

ส่วนประเพณีที่กะเกณฑ์เอาสินสอดขันหมากนั้น ไม่มีจำกัดว่า เป็นจำนวนมากน้อยเท่าใด ต้องแล้วแต่ความมั่งมียากจนของชายหญิงทั้ง ๒ ฝ่าย ผู้ปกครองที่คิดจะปลูกฝังบุตรธิดาให้มีหน้ามีตา ก็กะเกณฑ์เอาสิ่งของเงินทองกันให้มากไว้ แต่ถ้าฝ่ายหญิงเป็นผู้มั่งมีด้วยแล้ว กลับจะต้องเสียเปรียบแก่ฝ่ายชาย โดยถูกเกณฑ์หรือโดยความ