หน้า:สามก๊ก - ๒๔๔๙.pdf/1484

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
เล่ม ๔
189
สามก๊ก

ในกลศึกจงทุกประการ อนึ่งให้มีปัญญารู้ผ่อนปรนแก้ไขมีไชยชะนะเปนต้น แลตัวท่านเปนแม่ทัพใหญ่มิได้รู้ในกลสงครามทั้งปวงเสียทีแก่เรา เสียทแกล้วทหารเครื่องสาตราวุธเปนอันมากฉนี้ ท่านจะกลับคืนไปเมืองลกเอี๋ยงนั้น ถึงมาทว่าพระเจ้าโจยอยจะมิเอาโทษก็ดี ก็จะไม่อายแก่อาณาประชาราษฎรทแกล้วทหารทั้งปวงฤๅ จะเอาหน้าไปไว้แห่งใด จงเร่งนบนอบแก่เราเสียโดยดี ถ้าท่านมิคำนับเราๆจะยกทหารเข้าไปเหยียบเมืองลกเอี๋ยงเสีย ตัวท่านเหมือนฝูงแพะอันเข้าอยู่ในปากเสือ สำหรับจะฉิบหายไปด้วยฝีมือทหารทั้งปวง โจจิ๋นแจ้งดังนั้นก็โกรธนัก โรคซึ่งป่วยก็กำเริบหนักขึ้นถึงแก่ความตายในเวลากลางคืนวันนั้น

สุม้าอี้ครั้นแจ้งว่าโจจิ๋นตายแล้ว ก็เอาศพใส่เกวียนมีหนังสือบอกขึ้นไปยังเมืองลกเอี๋ยง พระเจ้าโจยอยก็ให้แต่งการศพโดยสมควรตามประเพณี แล้วมีหนังสือไปถึงสุม้าอี้ให้เร่งทำการรบพุ่งเอาไชยชะนะแก่ขงเบ้งให้จงได้ สุม้าอี้แจ้งในหนังสือรับสั่งแล้วก็ตระเตรียมพลทหารทั้งปวง จึงให้คนถือหนังสือไปบอกแก่ขงเบ้ง กำหนดว่าเวลาพรุ่งนี้ให้ยกพลทหารออกรบกัน

ขงเบ้งแจ้งดังนั้นจึงว่า บัดนี้ชะรอยโจจิ๋นตายแล้ว สุม้าอี้จึงให้คนถือหนังสือมากำหนดรบด้วยเรา ครั้นเวลาคํ่าก็เรียกเกียงอุยกับกวนหิน เข้ามากระซิบสั่งเปนความลับ เกียงอุยกับกวนหินรับคำแล้วก็ยกทหารไปแต่ในเวลากลางคืน ครั้นรุ่งเช้าขงเบ้งก็ยกทหารออกจากค่ายกิสานสิ้น มาถึงริมแม่น้ำฮุยโหเปนที่กลางทุ่งทำเล

ฝ่ายสุม้าอี้ก็ยกทหารมาประทะกันเข้า แลเห็นขงเบ้งขี่เกวียนน้อยแต่งตัวโอ่โถงถือพัดขนนกมาในกลางทหาร ก็ขับม้าขึ้นไปหน้าจึงร้องว่า เจ้าเราได้เสวยราชย์ในเมืองหลวงถึงสองชั่วพระองค์แล้ว ก็มิได้ไปทำร้ายแก่เมืองเสฉวนแลเมืองฮันต๋ง ละให้ตั้งอยู่เปน