หน้า:สามก๊ก - ๒๔๔๙.pdf/1534

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
เล่ม ๔
239
สามก๊ก

เตียวหงี ห้าคนนี้มีใจสัตย์ซื่อ ท่านจงทำนุบำรุงให้เหมือนตัวเรา อนึ่งเมื่อท่านจะเลิกกองทัพกลับไปนั้น อย่าวู่วามให้ถอยไปโดยปรกติ ถึงมาทว่าข้าศึกรู้จะติดตามไป ก็ช่วยกันรบพุ่งป้องกันอย่าให้มีอันตรายแก่ทหารใหญ่น้อยได้ อันเกียงอุยนั้นมีสติปัญญาแลฝีมืออยู่ เราก็ได้สั่งการทั้งปวงไว้เสร็จแล้ว แม้นท่านจะทำการสิ่งใดก็ให้ปฤกษากันกับเกียงอุย เอียวหงีรับคำแล้วก็ร้องไห้

ขงเบ้งจึงอุส่าห์เขียนหนังสือ ซึ่งจะถวายพระเจ้าเล่าเสี้ยนเปนใจความว่า ข้าพเจ้าขงเบ้งขอกราบถวายบังคมมาให้ทราบ ด้วยข้าพเจ้าแจ้งอยู่ว่าบุราณกรรมมาถึงแล้ว ด้วยตัวข้าพเจ้านี้ก็อุสาห์ตั้งใจทำราชการตามสติปัญญา พระเจ้าเล่าปี่ชุบเลี้ยงให้เปนใหญ่ถึงเพียงนี้ แต่ข้าพเจ้ามีความวิตกอยู่ สัตรูฝ่ายเหนือฝ่ายต้ายยังไม่ราบคาบ ควรฤๅจะมาด่วนถึงแก่ความตายก็คิดแค้นอยู่ทุกเวลา แม้นข้าพเจ้าตายแล้ว พระองค์จงรักษาความสัตย์บำรุงทหารอาณาประชาราษฎร ให้อยู่เย็นเปนศุขตามประเพณี อย่าให้เชื่อฟังคำคนอันเปนพาล บ้านเมืองจึงจะปรกติสืบไป อันในที่อยู่ข้าพเจ้านั้นมีต้นมอนสำหรับเลี้ยงไหมอยู่ถึงแปดร้อยต้นนาห้าสิบไร่ แลที่นากับต้นมอนนี้ก็พอเลี้ยงบุตร์ภรรยาข้าพเจ้าอยู่แล้ว อันทรัพย์สิ่งของข้าพเจ้าซึ่งอยู่ในเรือนนั้น ขอให้เอาเข้าไปไว้ในท้องพระคลังจะได้แจกทหาร เขียนแล้วเข้าผนึกมอบไว้แก่คนสนิท

ขงเบ้งจึงสั่งเอียวหงีว่า เมื่อเราตายแล้วเมื่อใดอย่าให้ทหารทุกข์ร้อนนุ่งขาวห่มขาวเลย จงทำกิริยาให้ปรกติเหมือนเรายังอยู่ อย่าให้กิติศัพท์ที่ตายนั้นรู้ไปถึงข้าศึก ท่านจงให้ต่อโลงใส่ศพเรานั่งไว้ ให้เอาเข้าสารใส่ปากไว้เจ็ดเมล็ด เอาโคมจุดเพลิงรองไว้ใต้ที่นั่งเรา หวังจะรักษาดาวสำหรับอายุเรามิให้หายไป แม้นเพลิงโคมนั้นดับลงเมื่อใดดาวสำหรับอายุเราก็จะสูญไปเมื่อนั้น ถ้าสุม้าอี้ไม่