แลพระคลังราชการ แล้วโปรดให้เปนนายรองสรรพวิไชย ภายหลังเปนหลวงอินทรโกษา ในรัชกาลประจุบันนี้ จึ่งโปรดให้เปนพระยาราชสันภารากร เจ้ากรมพระคลังราชการ เบี้ยหวัดปีละ ๕ ชั่ง พระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์ช้างเผือก นิภาภรณ์ ๑ เครื่องราชอิศริยาภรณ์ตติยะจุลจอมเกล้า ๑
หลวงวัณเวทภักดี เจ้ากรมหมอวัณโณค ฝ่ายพระราชวังบวร (จุ้ย) ในรัชกาลประจุบันนี้ ถวายตัวเปนมหาดเล็ก ฝ่ายพระราชวังบวร อยู่เวรมหาใจภักดิ์ แล้วโปรดให้เปนหลวงวัณเวทภักดี เบี้ยหวัดปีละ ๑๒ ตำลึง
ป่วยมีอาการนอนไม่ใคร่หลับ รับประทานอาหารน้อยลงทุกวัน หลวงรัตนแพทยารักษาว่า เปนวัณโรคเม็ดเล็ก วันที่ ๒๐ กันยายน เวลา ๔ ทุ่ม ๑๐ นาที ถึงแก่กรรม อายุได้ ๔๐ ปี พระราชทานน้ำอาบศพ หีบเชิงชาย พู่ ภรรยา จัดการศพ
หลวงสำเร็จพระขรรค์ (ปาน) บุตรพระยาพิพัฒโกษา (อ้น) ในรัชกาลที่ ๔ เปนมหาดเล็กข้าหลวงเดิมอยู่เวรศักดิ์ โปรดให้ไปราชการที่เมืองฮ่องกงกับหลวงหัดถกิจโกศลครั้ง ๑ กลับมาเปนขุนทิพมงคล แล้วไปราชการกรุงฝรั่งเศสด้วยเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์อีกครั้งหนึ่ง รัชกาลประจุบันนี้ โปรดให้เปนหลวงสำเร็จพระขรรค์ เจ้ากรมพระแสงหอกดาบ เบี้ยหวัดปีละ ๒ ชั่ง พระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์มกุฎสยาม ภัทราภรณ์ ๑ ป่วยมาแต่เดือนกรกฎาคม มีอาการยอกเสียดแลกระตุก หมอเหมือนรักษาว่า เปนโรคกระสายเจือลมอำมะพาด วันที่ ๒๔ กันยายน เวลาย่ำรุ่งแล้ว ถึงแก่กรรม อายุได้ ๖๐ ปี พระราชทานน้ำอาบศพ หีบเชิงชาย กลั่น ภรรยา จัดการศพ
เจ้าอนันตวรฤทธิเดช กุลเชฐมหันต์ ไชยนันทบุรมหาราชวงษาธิบดี เจ้านครเมืองน่าน ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมกุฎสยาม มหาสุราภรณ์ ป่วยเปนโรคชะรา อาการให้อ่อนหิว มาตั้งแต่วันที่ ๒๔ เมษายน รัตนโกสินทร์ศ๒ก๔ ๑๑๐ วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ถึงแก่พิราไลย อายุได้ ๘๖ ปี
ได้ทราบจากบอกเมืองมุกดาหารว่า พระอมรฤทธิ์ธาดา เจ้าเมืองพาลุการกร ภูม ป่วยเปนโรคชรา ครั้นวันที่ ๒๔ มกราคม รัตนโกสินทร์ศ๒ก๓ ๑๐๙ ถึงแก่กรรม ได้จัดการไว้ศพตามธรรมเนียม แลขอหีบศีลาน่าเพลิงไปพระราชทานเพลิงศพด้วย
