หน้า:เปิดกรุผีไทย (เหม เวชกร).pdf/248

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๘๘
 

จากปากจนหมดสิ้น เมื่อจัดการต้มสุกดีแล้วก็เอาหอยใส่ตะแกรงผึ่งไว้ รีบตำน้ำจิ้มทันทีอย่างง่ายๆ คือเอาพริกขี้หนูแห้งคั่วไฟแล้วดำละเอียด ละลายด้วยน้ำปลาและมะนาวบีบ และมียอดถั่วฝักยาวต้มสุกไว้กินแกล้ม กับหอย วิธีกินหอยทรายนั้นไม่ต้องต่อยกันแล้วจีบอย่างหอยขม เราใช้ หนามไผ่มาแคะออกจิ้มน้ำจิ้มใส่ปากแล้วเอายอดถั่วที่ต้มนั้นจิ้มน้ำจิ้มใส่ ปากตามไปด้วย มันข่างอร่อยถึงใจจริงๆ ผมดื่มเหล้าไปจิ้มหอยใส่ปาก ไป รู้สึกว่าลืมทุกสิ่งทุกอย่างในโลกหมดสิ้น เหล้าเถื่อนแถวนั้นเขาต้ม เพียงยี่สิบแปดดีกรี ไม่รุนแรงนัก แต่กลิ่นมันน่ะชิ หอมเหมือนน้ำ ตาลทรายที่อัดอยู่ในโหลแก้ว ยกถ้วยขึ้นจดริมฝีปาก กลิ่นมันคล้ายน้ำ หวานไม่น่าจะมีฤทธิ์ แต่พอตกเข้าปากและลำคอแล้วจึงรู้ว่า มันลึกล้ำนัก เราดื่มและกินหอยต้มจิ้มรสเผ็ดกันอีกครู่ใหญ่ แป๊ะซะก็แล้วเสร็จออกมา จากครัว เรากินกันอย่างไม่ต้องห่วง ปลาที่นั่นมีมาก สามคนกินกันไป va คุยกันไป นายชุ่มคุยถึงชายคนหนึ่งที่น่าสงสาร ชายนั้นอายุยังน้อยเป็น เด็กที่น้าเอมน้าสายพ่อแม่ของเจ้าสาวที่จะแต่งกันพรุ่งนี้เลี้ยงไว้ ผมดื่ม ไปฟังนายขุ่มเล่าถึงเด็กหนุ่มคนนั้นไป ตอนแรกไม่สนใจเท่าใด เพราะไม่ เป็นเรื่องที่เกี่ยวอะไรกับเรา แต่พอฟังไปฟังไปเกิดละอีกใจขึ้น รู้สึกว่าน่า สนใจฟัง

"ฉันสงลารมันจริงๆ กินข้าวกินปลาไม่ลง นอนไม่ค่อยหลับตั้ง เดือนกว่า นายชุ่มว่า

"ทำไม?" นายมันถาม

มันตายเพราะรัก"นายขุ่มตอบแล้วยกถ้วยเหล้าเทเข้าคอกร็วบเดียว

อ้ายบุญมันแอบรักกะอีเดือน เจ้าสาวพรุ่งนี้น่ะแหละ"นายชุ่มพูดต่อ

อ้าว" นายมั่นอุทาน

"มันยุ่งเว้ยมัน" นายขุ่มพูดแล้วสั่นหัว "ก็อ้ายบุญมันเป็นเด็กที่น้า เอมน้าสายเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อยอยู่ในบ้านแล้วเขาจะปล่อยให้เหตุ