หน้า:เปิดกรุ (๒) - เหม เวชกร - ๒๕๓๘.pdf/101

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
108
 

ถ้านกนี้ร้องบินข้ามหลังคาไป ว่า คนไข้นั้นจะถึงตาย ผมนึกเองใจก็เต้นรัวไปเอง

เสียงแมวหง่าวหาตัวเมียไม่หยุดไป คงหง่าว ๆ อยู่ตามเดิม และซ้ำหง่าวใกล้เข้ามา ผมจุปากด้วยความรำคาญใจยิ่งนัก จะลุกไปไล่มัน ก็ค้านจะกระทำอะไรโดยคนเดียวในยามเงียบ ทั้งยังไม่แน่ว่า คนไข้นั้นคือแม่ของบานเย็นโดยแท้หรือใครสิงอยู่ แล้วผมจะลุกไปเดินเล่นไล่แมวได้อย่างไร มันร้องใกล้เข้ามา ผมค่อย ๆ พลิกหน้าไปดูคนไข้ เห็นตาลืมโพลง รู้สึกว่า แกกำลังจับฟังเสียงแมวนั้นอยู่ คล้ายแกจะโกรธ แกเหลียวหน้ามองไปทางนอกชาน ดวงตากระทบแสงไฟเห็นเป็นประกายวาว ถ้าแกจะโกรธแมว ผมนอนนิ่งดูแกอยู่ แกคงไม่รู้ว่าผมตื่น เพราะนอนอยู่ทางเงามืด เจ้านกแสกบินร้องข้ามมาอีก คนในบ้านจะหาใครตื่นอย่างผมก็ไม่มี แมวร้องประสานเสียงกับเสียงนก แต่คราวนี้เสียงแหบเครือเหมือนจะสิ้นลม แต่เอ๊ะ! คล้าย ๆ มันมาร้องอยู่ที่นอกชานนั่นเอง เสียงมันครวญอย่างหนาวใจ

ทันใดนั้นเอง ผมแทบจะตะโกนร้องออกมาด้วยความกลัว ผมเคยคิดไว้แล้วว่า ถ้ากลางดึกคนไข้เกิดลุกขึ้นรำอีก ผมเป็นโดดแน่ บัดนี้ก็เป็นอย่างว่า แต่ไม่ใช่ลุกขึ้นรำ คนเจ็บลุกพรวดพราดขึ้นอย่างคล่องแคล่ว และหยิบตะบันหมากที่วางอยู่ข้างที่นอนวิ่งปราดไปที่ริมนอกชาน ก้มตัวจ้องดูลงไปข้างล่าง มือถือตะบันหมากมั่น คงเตรียมจะตีอะไรอยู่ เสียงแมวได้หยุดร้องไปอย่างประหลาด คนไข้ยังยืนก้มมองจ้องดูไปยังใต้ถุนอย่างเดิม

คุณพระช่วยด้วยเถิด… นั่นอะไรกัน ตาผมฝาดไปหรือ โอ๊ย! ทางที่นอนคนไข้นั้นเล่า ก็มีคนไข้นอนอยู่อย่างเดิม แต่ที่ชายนอกคาน ก็มีภาพคนไข้ยืนคุมเชิงเสียงแมวอยู่ คนเดียวแยกตัวออกไปได้เป็นสอง ใจผมรัวเหมือนจะระเบิดและแตกดับลง ภาพคนไข้ที่นอกชานเดินกลับไปที่คนไข้นอนอยู่ ก้มหน้าลงคล้ายพูดอะไรกัน แล้วหันกลับไปที่นอกชานอีก วิ่งอย่างเร็ว แล้วโดแผล็วหายไปในความมืด ผมเห็นหน้าคนที่วิ่งโดดไปนั้นได้ถนัดว่า ไม่ใช่แม่ของบานเย็น เป็นหน้าคนแก่คนหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก ผมทน