หน้า:เปิดกรุ (๒) - เหม เวชกร - ๒๕๓๘.pdf/12

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
19
 

กลุ้มใจคนพวกนี้ อยู่ ๆ ก็ทำตัวปิด ๆ เปิดเปิด ๆ ดูมีทุกข์บ้างเคียดแค้นบ้าง ทำไมไม่ทำตัวหาความสุขเท่าที่จะหาได้กันเล่า มาโกรธแค้นใครกัน

เย็นนี้ผมต้องกินข้าวคนเดียวอีกที่ร้านเจ๊ก เพราะเพื่อน ๆ มาตามน้าเกียรติไป ผมเริ่มกลุ้มใจอีก ถ้าแกไม่กลับ ผมจะต้องนอนคนเดียวตามเคยตอนหัวค่ำก็อาศัยลุงพัฒน์ป้าน้อยไปก่อน พอเห็นทีแกจะง่วง ผมก็ต้องแข็งใจกลับขึ้นตึกลำบากลำบน เข้าห้องปิดประตูลงกลอน เปิดไฟจ้าแล้วเข้ามุ้งนอนแซ่ว คะเนว่าเวลาสักห้าทุ่มได้เกิดความยุ่งยากขึ้นแก่ใจผมอีกคล้ายคราวก่อน คือมีเสียงฝีเท้าคนสองสามคนขึ้นบันไดมาชั้นบน ผมนิ่งฟังอยู่ ฝีเท้านั้นเดินมาทางห้องผม คราวนี้มีเสียงผู้หญิงด้วย หัวเราะกันคิกคักหยอกล้อกันมา ผมยืนอยู่ที่ประตูโดยยังมิได้เปิดออกไป แต่เสียงฝีเท้าเดินเลยห้องผมไป ผมเลยแอบเปิดประตูแง้มดู แต่ไม่เห็นใคร เขาคงเดินเลยเลี้ยวไปเสียแล้ว ผมจึงปิดประตูเสียดังเดิม เกรงว่าถ้าเขาเดินกลับมาเขาเหล่านั้นจะไม่พอใจที่ผมแอบดูเขาผมปิดประตูแล้วยืนแอบอยู่ข้างประตูจัดการดับไฟให้มืดเฉพาะในห้องเรา คิดไว้ว่าถ้าเขาเดินย้อนมาอีกผมจะแอบดูข้างเดียวโดยไม่ให้เขารู้ตัว ตามที่คิดไว้เป็นจริงทุกอย่าง เขาเหล่านั้นเดินย้อนกลับกันอีกผมคะเนดูว่าเพราะเขาคล้อยหลังผมก็รีบแย้มประตูแต่แปลกจริง ผมดูไม่ทันตามเคย เขาเลี้ยวไปเสียแล้ว ผมโง่ที่ไปใส่กลอนไว้เวลาเขาเดินมาจะถอนกลอนแรงนักก็จะมีเสียงดัง จึงค่อย ๆ ดึงมันจึงทำให้ช้าไม่ทันการ ฉันจะออกจากห้องไปดู ถ้าเขาเห็นเข้าเขาก็จะว่าผมมีความทะเล้น

พอเช้าขึ้นน้าเกียรติกลับมาทำงาน ผมเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง แกมีสีหน้าฉงน

"เอ๊ะ! น้าพัฒน์ปล่อยให้ใครขึ้นมายุ่มย่าม" น้าเกียรติพูดแล้วชวนผมลงไปหาลุงพัฒน์สอบถามเรื่องดู ทั้งให้ผมเล่าเหตุการณ์ที่เห็นมาให้ฟังอย่างละเอียด

"เอ! ถ้าผมจะหลับ แต่เอ๊ะ! ทำไมอ้ายบาบูจะปล่อยใครเข้ามาในนี้"