บ้านตาก็มีให้หนูพักได้อย่างสบาย ๆ " ผมช่วยพูดให้เงินยวงมีความหวัง
"หนูไปไม่ได้น่ะซีค่ะ หนูจะออกจากไร่มาได้ก็เพียงครึ่งวันค่อนวันเท่านั้น ออกมาซื้อรําหมูและซื้อของอื่น ๆ จะไปไหนค้างคืนค้างวันไม่ได้เลย" เงินยวงพูดแล้วสั่นหัวอย่างหนักใจและท้อแท้แล้วพูดต่อ
"เมื่อวานซีนนี้ หนูพบกับผู้หญิงสองคนจากกรุงเทพฯ ท่าทางมาหาซื้อที่ดิน หนูถามเขาถึงพื่อเนก เขาบอกว่า ไม่รู้จัก ถ้าหนูไปกับเขา เขาจะช่วย สืบหาให้ได้พบกัน หนูบอกกับเขาว่า ไปไม่ได้ ถ้าจะไป ก็ต้องหนีเตี่ยกะแม่ไปเลย เขาบอกว่า จะเอาอย่างนั้นก็ได้ เขารับรองว่า มีที่ให้อยู่อาศัย หนูผัดขอตรึกตรองก่อน" เงินยวงเล่าถึงอย่างนี้ทําให้ผมสะดุ้งใจ
"หนูรู้จักเขาดีรี?" ผมถามกระชั้นเข้าไปเลย "เตี่ยกะแม่หนูรู้จักเขาหรือเปล่า?"
"เปล่าค่ะ เตี่ยกะแม่ไม่รู้จักค่ะ หนูก็เพิ่งรู้จักเขาที่ร้านข้าวแกง"
"อือ!" ผมครางออกมา ประหลาดนักคนชาวกรุงจะออกมาซื้อที่ดินจะทําไร่ มองไม่ออกเลย ถ้าหากแม่เด็กหน้าอ่อนคนนี้ไปกะเขา จะเกิดอะไรขึ้น แม่สองคนนั้นคือใคร?
"ถ้าหนูคิดจะหนีเตี่ยกะแม่นี่นะ มันไม่ดี และมีอันตรายมากทีเดียว ทางที่ดีควรคอยนายอเนกเขาดีกว่า เอาละ! ถ้าหากรอคอยไม่ได้ คิดจะไปเมื่อใด ตัดสินใจแล้วพบกับตาอีกได้ ตายังไม่กลับกรุงเทพฯ จะเลยไปสุพรรณและจะกลับมาแวะที่นี่อีก ถ้าหนูจะไป ตาจะช่วย" ผมพูดไปทั้ง ๆ รู้ว่า ผิดกฎหมายการช่วยลักพาคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ก็พูดเอาใจไว้ก่อนดีกว่าเธอจะหนีตามแม่สองคนอะไรของแกนั่นไป มันจะเข้าลึก เมื่อผมพูดกับเงินยวงดีแล้ว ก็ออกรถมุ่งเลยไปสุพรรณ
ขากลับก็มาจอดขายยาอยู่ที่เก่า และขยายเสียงให้ดัง ๆ เพื่อจะดัง เข้าไปถึงทางไร่ใน ๆ โน้น ผมขายไปคอยไปหนึ่งวันเต็ม ๆ คอยแล้วคอยเล่า ไม่เห็นหน้าเงินยวงเลย ผมคิดว่า เธอคงคิดตกแล้วว่า การหนีไปนั้นมันอันดรายต่อชีวิตข้างหน้า เธอคงตัดสินใจอยู่กับแม่และเตี่ยต่อไป ผมพลอย