หน้า:เปิดกรุ (๒) - เหม เวชกร - ๒๕๓๘.pdf/25

หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
32
 

ออกมาเรียกชื่อผม ผมก็ปล่อยโฮออกไปอีก พร้อมกับบอกข่าวการตายของน้าเกียรติ โดยซุ่มเสียงแทบจะไม่เป็นมนุษย์

ในครู่นั้นเอง เพื่อนบ้านตำบลมาบโพธิ์ของเราก็เศร้าสลดไปตามกันพวกญาติที่ใกล้ชิดของน้าเกียรติได้เตรียมตัวจะเข้ากรุงในเรื่องศพของน้าเกียรติ คืนนั้นต่างคนต่างมารวมญาติกันอยู่ที่บ้านตาและยายผม คืนนั้นสุนัขได้หอนเป็นการใหญ่ มันจะเป็นไปได้หรือไม่ได้ก็ยากจะพูดว่าวิญญาณน้าเกียรติได้ติดตามผมไปหาญาติ แต่คนทุกคนทั้งหญิงทั้งชายต่างมองหน้ากันอย่างซีด ๆ แต่ผมนั้นหนาวสะท้าน เอาเวลาสักสี่ทุ่มต่างก็กลับกัน เจ้าแฟงอยากจะอยู่คุยกับผมถามเรื่องกรุงเทพฯ แต่ผู้ใหญ่เขากลับก็ต้องกลับ ผมนอนหนาวทั้งคืนคนเดียวที่ห้องเคยนอนเก่าแก่แต่เล็กแต่น้อย

ผมได้ตกลงกับตายายไว้แล้วว่าผมจะต้องกลับมาบ้านอย่างเดิมหมดน้าเกียรติแล้วผมจะอยู่อย่างไรที่กรุงเทพฯ ฉะนั้นพอรุ่งเช้าผมก็ออกเดินทางเข้ากรุงเทพฯอีก เจ้าแฟงตามมาที่เรือ ผมบอกกับมันว่าอีกสองสามวันจะกลับมาอีก และมาอยู่เลี้ยงควายด้วยกันต่อไป มันยิ้มอย่างแจ่มใส ผมได้ลงเรือออกจากบ้านครั้งนี้โดยมีจิตใจผิดกว่าครั้งแรกที่ได้เข้ากรุงเทพฯ เป็นการเดินทางที่มีแต่ความเสียใจเศร้าใจ ครั้นถึงกรุงเทพฯผมได้นำญาติน้าเกียรติสามสี่คนเข้าหาท่านบรรณาธิการ และได้ไปฟังสวดศพกันที่วัด ท่านบรรณาธิการผู้เมตตาจิตได้ให้ที่พระแก่ญาติน้าเกียรติตลอดจนอาหารการกินและทั้งที่พักหลับนอนจนกว่างานศพจะเสร็จลงโดยพวกหนังสือพิมพ์ต่างเป็นเจ้าภาพกันคนละคืน จนครบ 7 คืนก็เก็บศพทางญาติน้าเกียรติแจ้งกับท่านบรรณาธิการว่าตอนจะเผานั้นคิดจะมารับศพไปเผาทางอยุธยา ท่านบรรณาธิการชี้เหตุผลว่าเป็นการยุ่งยากในการย้ายศพแต่ทางญาติของน้าเกียรติมีความประสงค์ดังนั้นจึงสุดแล้วแต่ญาติ

การตายของน้าเกียรติก็เป็นการตายอย่างมืดมน ทางตำรวจคว้าตัวใครยังไม่ได้มันดำมืดจริง ๆ พวกเราได้แต่ถอนใจ เรื่องของคนที่จะนำตน