หน้า:เปิดกรุ (๒) - เหม เวชกร - ๒๕๓๘.pdf/53

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๖๐
 

แต่ในครู่นั้นเอง เสียงฝีเท้าม้าก็ดังขึ้นที่ชายทุ่งหลังบ้านใกล้ลำกระโดงปลา ผ่านไปผ่านมา นกแสกเจ้ากรรมบินร้องผ่านไปดังแซ้กเข้ากรีดหัวใจ หมาใต้ถุนเราก็หอนรับโหยหวนขึ้นประดังกับเสียงที่ได้ยิน ทั้ง ๆ ที่เสียงหมากำลังหอนทอดยาวทอดสั้นอยู่ ก็มีเสียงอะไรดังแทรกขึ้นมา มันเป็นเสียงใครไม่รู้ร้องเรียกใครฝ่าเสียงหมาขึ้นมา ผมสะท้านสั่นและร้องไห้เลย เสียงนั้นไม่ชัดว่าเป็นเสียงใคร มันแหบ ๆ แห้ง ๆ มันดังอยู่ข้างล่างทางด้านนอกชาน หมายิ่งหอนใหญ่ แน่แล้ว มันมาจากหลุมในวัด ผมสะดุ้ง หัวใจวาบเหมือนใจจะขาดและหยุดเต้น เพราะอยู่ ๆ พี่พุกกระถดตัวเข้ามาชิดโดยไม่ทันรู้ตัว แต่พอรู้ว่าเป็นพี่พุกก็ค่อยคลายใจ แต่ว่าใจมันเต้นแรงเมื่อตอนต้นอย่างสุดขีด ทำให้ทรวงอกปวดเสียวไม่หยุดลงได้ง่าย ๆ ผมเลยเบียดตัวเข้าชิดพี่พุกแน่นเลย มันเป็นคืนสำคัญในชีวิตของผมที่บ้านมาบโพธิ์ เกือบสว่างจึงได้หลับลงอย่างอ่อนเพลีย

ผมตื่นขึ้นเห็นสีหน้าคนทุกคนมีเค้าไปสบายใจ ทุกข์ใจกันทุกคน เขาคงผ่านเหตุการณ์เมื่อคืนกันทุกคน

"เมื่อคืนเอ็งรู้อะไรไหม?" ยายกระซิบถามผม พี่พุกกำลังหิ้วน้ำใส่โอ่ง

"ใครมันมาไม่รู้" พอผมเอ่ยเท่านี้ ยายเอามืออุดปากผม

"เอ็งอย่าพูดอะไร ตอบว่ารู้คำเดียวก็พอ" ยายกำชับผมอย่างเด็ดขาด

"จ้ะ ฉันรู้หมด" ผมว่า

"พอแล้ว!" ยายว่า "ข้าเห็นจะต้องโจนไปอยู่บ้านอ้ายโป๊ะชั่วคราวละวะ"

"โอ้โฮ! แย่เลย" ผมร้องออกมาเมื่อได้ยินยายพูดว่าจะคิดหนี ยายแกไปเสีย ทางบ้านนี้ก็หมดความอบอุ่นลงไปอีก แกจะไปบ้านพี่ถนอม ผมก็อยากจะไป แต่ที่นั่นผมก็ยังหวั่นน้าเกียรติ ผมกลัวน้าเกียรติเท่า ๆ กับกลัวทิดกล้า เรื่องน้าเกียรติยังไม่จบไปกี่วัน ผมจะทำยังไงกันเล่า

"เอ๊ะ! ตาเรากับตาหิงไปไหนล่ะ?" ผมถามยาย

"ไปวัดกันล่ะซิ กูกลัวจริง ๆ วะ จะทำอะไรไหงไม่ไปทำกันที่อื่น ดัน