หน้า:เปิดกรุ (๒) - เหม เวชกร - ๒๕๓๘.pdf/89

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๙๖
 

"ไม่เลิกหรอกคุณ เลิกนั่งก็ไม่รู้จะแทงอะไร" แกตอบ "คราวนี้ ฉันกับเพื่อนสองคนเท่านั้นแหละคุณ ไปลองนั่งทางวัดบางหว้า ก็วัดอมรินทร์นี่แหละคุณ วัดนั้นไปดูลู่ทางที่ป่าช้าไว้แต่บ่าย แล้วกลับมากินเหล้ากันที่ร้านเจ๊กนอกวัด ตั้งใจเอากันที่ศาลากลางป่าช้าที่มีแต่พื้นกระเบื้องและเสากับหลังคา ฝาไม่มี โปร่ง ๆ ดี ใครจะมาแอบเขียนตัวหวยล้อเราย่อมไม่ได้ ฉันกับเพื่อนสองคนดวดเหล้ากันจนสบายดีแล้ว จึงเตรียมข้าวของเข้าวัด พอเลี้ยวเข้าตรอกวัด เราก็เห็นคนนำหน้าเราอยู่คนหนึ่ง นุ่งผ้าพื้นโจงกระเบนห่มผ้าขาวอย่างสกปรกสะพายเฉียง เราเดินตามเขามาอย่างเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรกัน เราไม่ต้องการให้ใครรู้ว่า เราจะมานั่งหวย พอถึงทางเลี้ยวเข้าป่าช้า คนเดินหน้าก็เลี้ยวเข้าไปก่อน เราสองคนสะกิดกัน ฉันกระซิบกับเพื่อนว่า ถ้าจะไม่ดีเสียแล้ว ตานี่คงจะเป็นสัปเหร่อ ถ้ารู้ว่า เราจะมานั่งหวย ก็จะมาทำความรำคาญแก่เรา เพื่อนจึงถามว่า แล้วจะทำยังไงกันล่ะ? ฉันก็ตอบว่า ยังไม่รู้จะทำยังไง"

"พวกสัปเหร่อใช่ไหม?" หนุ่มคนแรกถามแทรกขึ้นมา

"ไม่รู้น่ะซิคุณ เขาเดินไป ฉันก็เดินไป" เฒ่ามิ่งตอบ "แต่เอ๊ะ! ไม่เข้าท่าเสียแล้ว คนนั้นเดินไปที่ศาลาฌล่งนั้น ซึ่งเป็นที่หมายของเรา มาเกิดจ๊ะกันเข้าแล้ว หมอนี่ถ้าจะมาเรื่องหวยเหมือนกัน ชักเกิดลังเลใจ แต่เพื่อนกระซิบว่า ต่างคนต่างนั่งกันก็แล้วไปซี เขาก็เขา เราก็เรา ฉันเห็นด้วย จึงก้าวขึ้นบนพื้นกระเบื้องปูน แต่ยังไม่ลงมือทำอะไรทั้งนั้น นั่งลงเฉย ๆ ก่อนอากาศขมุกขมัวเต็มทีแล้ว เสียงเรไรดังหริ่ง ๆ ไปทั่วบริเวณ เพราะไม้สูง ๆ ยืนต้นมาก มองมืดทึมน่ากลัว ชีวิตนักเลงหวยละมันยังงี้แหละคุณ พอความมืดทั่วไปทั้งบริเวณ ฉันกับเพื่อนก็จุดเทียนใหญ่ปักลงกับพื้นสว่างเห็นกันดี นักหวยคนนั้นยังไม่ทำอะไร เดินก้มหน้าวนไปวนมา เดินไปหยุดเสาโน้นเสานี้จนครบสี่เสา แล้วชำเลืองดูเราทั้งสอง ฉันอดปากอยู่ไม่ได้ จึงพูดกับเขาพอเป็นทางว่า ถ้ามีอะไรดี จะขอบ้าง จะหวงไหม พี่ทิด? เขายิ่งเฉย ยังไม่ตอบมาทันที ฉันจึงพูดไปอีกว่า ฉันน่ะถูกหวยกินมาเสียจนกรอบ เพราะได้หวย