เรืออย่างเร็ว
"มีเรื่องอะไรรึ?" ผมถามเบา ๆ
"เกิดเรื่องขึ้นแล้ว" บานเย็นพูดเสียงกระเส่า "ฉันกลัวจัง ฉันคอยพี่อยู่ นึกว่าจะไม่มาเสียอีก"
"เรื่องอะไรกัน?"
"แม่ฉันน่ะซี"
"ฮะ… แม่!" ผมสะดุ้งใจ เมื่อได้ยินบานเย็นพูดว่าแม่ ใจหายวาบ เพราะแม่ของบานเย็นเจ็บเรื้อรังมานานแล้ว หมอหลายหมอเข้ารักษาก็ไม่มีทางจะทุเลา ดูจะยิ่งทรุดหนักลงไป ถึงกับลุกขึ้นนั่งเองไม่ได้ ต้องพยุงให้ลุก ผมสละเวลามาช่วยบานเย็นพยาบาลอยู่แทบทุกวัน ชั่วกลับไปบ้านทำธุระบางอย่างที่ค้างไว้ทางบ้านผมชั่วคืนหนึ่งแล้วก็แต่งตัวมาที่นี่เอง จะถึงกับ "ตาย" เสียแล้วกระนั้นหรือ ถ้าตายลงก็ลำบากหนัก เพราะพ่อของบานเย็นก็ตายไปนานแล้ว เหลือสองคนแม่ลูก บานเย็นจะว้าเหว่ที่สุด การที่เรายังรอการแต่งงานกันนี่ ก็เพราะการเจ็บของแม่นั่นแหละทำเหตุ
"แม่เป็นอะไร?" ผมแกล้งถาม โดยไม่กล้าจะพูดว่า "แม่ตายรึ?"
"นั่งลงก่อนเถอะพี่ทิด จะเล่าให้ฟัง"
ผมวางพายที่ถือในมือไว้กับสะพานแล้วนั่งลง บานเย็นหันหน้าไปมองดูบนบ้านแล้วพูดว่า
"แกยังไม่เป็นอะไรหนักหนาหรอก" ผมได้ฟังแล้วหายใจโล่งอก
"มันมีอะไรแปลกประหลาดขึ้นอย่างหนึ่ง" บานเย็นพูดต่อ "แหม! ฉันกลัวจัง ไม่อยากพูดเลย ถ้าพี่ทิดยังค้างอยู่ที่บ้านอีก ฉันตายเลย ฉันต้องวานใคร ๆ มาเป็นเพื่อนแน่ ๆ"
"มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ?" ผมถามด้วยความสงสัย มันจะมีอะไรพิสดารขึ้น
"เรื่องมันแปล พี่ คือ เมื่อตอนสาย ๆ นี่เอง แม่แกหลับ ฉันอดนอนอ่อนเพลีย ก็เลยหลับไปบ้าง รู้สึกสะดุ้งตื่นเมื่อกระดานสะเทือน แต่ฉันไม่ได้