หน้า:Bueanglang Kanpatiwat 2475.djvu/109

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
99
 

ในฐานะที่ผมได้รับยกย่องให้เป็นหัวหน้าคณะ ผมย่อมจะสำนึกในความรับผิดชอบของผมอย่างเต็มเปี่ยม ดังนั้น นับแต่ที่ได้ไปประชุมกับหัวหน้าคณะต่าง ๆ และได้ทำความตกลงกันในที่ประชุมเป็นครั้งแรกแล้ว ผมก็ได้ทำความเพียรข่มจิตของผมให้แน่วแน่อยู่ในความปลงใจอันนี้ และเมื่อได้เพียรบำเพ็ญกิจอันนี้สืบต่อกันมาโดยสม่ำเสมอในเวลาอันควรแล้ว จิตของผมก็แน่วแน่อยู่ในการปฏิบัติหน้าที่ของผมต่อประเทศชาติโดยไม่วอกแวกผันแปรอีกเลย”

วิธีที่พระยาพหลฯ ได้นำมาใช้ในการข่มจิตนั้นได้ถือตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญ ท่านได้เล่าว่า ภายหลังที่ได้รับอาหารเย็นแล้วทุกวัน เว้นเสียแต่ในวันที่มีกิจธุระเป็นพิเศษ ท่านได้ลงไปในสวนและนั่งลงภายใต้ร่มไม้แล้วก็กระทำสมาธิเพ่งเล็งอยู่ในความคิดที่จะเปลี่ยนการปกครองแต่อย่างเดียว ได้ใช้เวลาตรึกตรองลู่ทางที่จะทำการไปบ้าง และในบางขณะเมื่อใจวอกแวกออกนอกทาง ก็ได้ใช้หลักธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นเครื่องข่มบังคับ เมื่อเกิดความประหวั่นใจว่าจะทำการไปมิสำเร็จ ก็ได้ตั้งปัญหาถามตัวเองว่า จะเกิดเหตุอะไรต่อไปเล่า? จะต้องถูกจับกุมจองจำด้วยโซ่ตรวนคยู่ในคุกตลอดไปจนชั่วชีวิตก็เป็นได้ ภาวะเช่นนั้นเป็นของเหลือวิสัยที่ผู้รักชาติบ้านเมืองอย่างแรงกล้าจะทนได้หรือไม่? เมื่อได้ตรึกตรองทบทวนดูแล้วก็ได้คำตอบว่า จะเป็นไรไป