แรงงานก็เช่นกัน ตราบที่แสดงออกในมูลค่า ไม่เหลือโฉมของผู้บังเกิดเกล้าให้มูลค่าใช้สอยอีกต่อไปแล้ว ผมเป็นคนแรกที่ได้พิสูจน์อย่างวิพากษ์ถึงธรรมชาติกำกวมของแรงงานในสินค้า[1] เนื่องด้วยประเด็นนี้เป็นแก่นของการทำความเข้าใจเศรษฐศาสตร์การเมือง ต่อไปนี้จะอธิบายละเอียดลงไป
เอาสินค้าสองอย่าง เช่นเสื้อคลุมตัวหนึ่งกับผ้าลินิน 10 หลา อย่างแรกมีมูลค่าสองเท่าของอย่างหลัง ถ้าผ้าลินิน 10 หลา แล้วเสื้อคลุม
เสื้อคลุมเป็นมูลค่าใช้สอยซึ่งสนองความต้องการแบบหนึ่ง ต้องใช้กิจกรรมการผลิตแบบหนึ่งเพื่อผลิตขึ้นมา โดยกำหนดจากเป้าหมาย วิธีทำ วัตถุ ปัจจัย และผลลัพธ์ แรงงานที่แสดงความมีประโยชน์ของตัวเองในมูลค่าใช้สอยของผลผลิต หรือในการที่ผลผลิตเป็นมูลค่าใช้สอย เราจะเรียกสั้น ๆ ว่าแรงงานมีประโยชน์ จากมุมมองนี้ เราจะพิจารณาในส่วนของผลที่เป็นประโยชน์เท่านั้น
เหมือนเสื้อคลุมกับผ้าลินินที่เป็นมูลค่าใช้สอยซึ่งแตกต่างกันเชิงคุณภาพ แรงงานซึ่งเป็นสื่อให้อัตถิภาวะของทั้งสองก็แตกต่างกันเชิงคุณภาพ —— การตัดเย็บและการถักทอ หากของสองอย่างนี้ไม่ใช่มูลค่าใช้สอยที่มีคุณภาพแตกต่างกัน และจึงไม่ใช่ผลผลิตของแรงงานมีประโยชน์ที่มีคุณภาพแตกต่างกัน ก็จะไม่สามารถเผชิญหน้ากันและกันในฐานะสินค้าได้เลย เสื้อคลุมไม่แลกเปลี่ยนกับเสื้อคลุม มูลค่าใช้สอยอย่างเดียวกันไม่แลกเปลี่ยนกับมูลค่าใช้สอยอย่างเดียวกัน
ในบรรดามูลค่าใช้สอยหรือกายสินค้าสุดหลากหลาย ปรากฏบรรดาชนิด สกุล วงศาคณาญาติของแรงงานนานาเนกประโยชน์ทำนองเดียวกัน —— คือการแบ่งงานทางสังคม อันเป็นเงื่อนไขจำเป็นของการผลิตสินค้า ทว่าการผลิตสินค้าไม่ใช่เงื่อนไขจำเป็นของการแบ่งงานทางสังคม ในชุมชนอินเดียโบราณมีการแบ่งงานทางสังคม แต่ผลผลิตไม่กลายเป็นสินค้า หรือใกล้ตัวอีกนิด ในโรงงานทุกแห่งแรงงานถูกแบ่งอย่างเป็นระบบ แต่ไม่ได้แบ่งผ่านการแลกเปลี่ยนผลผลิตระหว่างคนงานแต่ละคน ผลผลิตของแรงงานเอกชนที่อยู่ด้วยตัวเองและไม่พึ่งพากันเท่านั้นจึงจะเผชิญหน้ากันในฐานะสินค้า
- ↑ เล่มเดิม หน้า 12, 13 และทุกแห่ง.