แล้วนางทำร้องไห้ด้วยมารยาปิศาจ หวังจะให้พระเจ้าติวอ๋องลงโทษนางเกียงฮองเฮา พระเจ้าติวอ๋องจึงตรัสปลอบนางขันกีว่า เวลาพรุ่งนี้ เราจะถอดเกียงฮองเฮาเสีย จะตั้งเจ้าเป็นฮองเฮาได้ว่ากล่าวบังคับนางฝ่ายในให้สิทธิ์ขาด นางขันกีได้ฟังรับสั่งดังนั้นก็ยินดีนัก ถวายบังคม แล้วเข้าไปรินสุราหยิบกับแกล้มถวายให้เสวย พระเจ้าติวอ๋องเสวยสุรากับนางขันกีจนเวลารุ่งสว่าง พระเจ้าติวอ๋องเสวยสุราเมาก็เข้าที่บรรทม
ฝ่ายนางขันกีคิดริษยาจะคอยหาความผิดนางเกียงฮองเฮา มเหสีเอก ครั้นเห็นพระเจ้าติวอ๋องบรรทมหลับแล้ว จึงลงจากที่บรรทมไปถึงในตึกใหญ่สำหรับพระสนม เฝ้าพระมเหสีทั้งสาม พอเกียงฮองเฮา นางอึ้งกุยหุย นางเอี๋ยวกุยหุย มเหสีทั้งสาม ออกมานั่งอยู่ นางขันกีก็เข้าไปคุกเข่าลงคำนับ นางอึ้งกุยหุย นางเอี๋ยวกุยหุย จึงแกล้งถามนางเกียงฮองเฮาเป็นเย้ยว่า นางคนนี้หรือชื่อ ขันกี นางเกียงฮองเฮาจึงบอกว่า คนนี้ชื่อ ขันกี พระเจ้าติวอ๋องลุ่มหลงจนลืมเสด็จออกว่าราชการ นางเกียงฮองเฮาจึงว่าแก่นางขันกีว่า แต่นี้ไป เจ้าอย่าทำใจกำเริบ จงอยู่รับราชการแต่ตามที่ตำแหน่งผู้น้อย บำรุงเกียรติยศของพระเจ้าติวอ๋องไว้ อย่าให้ขุนนางและชาวเมืองทั้งปวงล่วงเข้ามานินทา