จะขอดเกล็ดเสียให้จงได้ เงาเปงก็โกรธ จึงเอาทวนแทงโลเฉีย โลเฉียหลบได้ แล้วเอาแพรหลินโยนขึ้นไปบนอากาศ สีแดงดังเปลวเพลิงตกลงมามัดคองาเปง โลเฉียโจนขึ้นเหยียบบ่าไว้ แล้วถอดกำไลออกต่อยหน้าผากเงาเปงศีรษะแตกตาย รูปเงาเปงกลับกลายเป็นนาค โลเฉียจึงชักเอาเอ็นมาจากตัวนาค จะเอาไปให้บิดาสำหรับรัดเสื้อเกราะ แล้วโลเฉียก็ขึ้นมาบนตลิ่ง บ่าวซึ่งไปด้วยเห็นโลเฉียถือเอ็นนาคขึ้นมาก็ตกใจ แล้วพาโลเฉียกลับมาบ้าน โลเฉียก็เข้าไปคำนับนางฮึนสีซึ่งเป็นมารดา นางฮึนสีจึงถามว่า เจ้าไปข้างไหนมา จึงมาต่อเย็นอย่างนี้ โลเฉียจึงบอกว่า ข้าพเจ้าไปถึงนอกด่าน แดดร้อนนัก จึงกลับมาต่อเย็น โลเฉียบอกแล้วก็เดินเข้าไปในเรือน ลิเจ้งดูซ้อมหัดทหารแล้วก็กลับมาบ้าน จึงว่า พระมหากษัตริย์ทุกวันนี้มิได้ตั้งอยู่ในยุติธรรม ราษฎรได้ความเดือดร้อน และหัวเมืองทั้งปวงก็เป็นกบฏขึ้น ลิเจ้งคิดแล้วก็เป็นทุกข์อยู่มิได้ขาด
ฝ่ายเงาก๋อง พระยานาค แจ้งว่า โลเฉีย บุตรลิเจ้ง ฆ่าเงาเปงผู้บุตรเสีย ก็มีความสงสารนัก จึงคิดว่า ลิเจ้งคนนี้เป็นศิษย์ไซรกุนหลุน เป็นเพื่อนรักกับเรามาแต่ก่อน ซึ่งบุตรลิเจ้งฆ่าบุตรเราเสียนั้น จำจะบอกลิเจ้งเสียให้รู้ คิดแล้วเงาก๋องก็จำแลง