ก่อนชาตินี้ก็หามีข้อพยาบาทกันไม่ เหตุไรจึงมาทำกับเราดังนี้ พระเจ้าติวอ๋องเห็นดังนั้น ผันพระพักตร์มาตรัสถามนางขันกีว่า มันเป็นปิศาจจริง จนเอาไฟเผาก็ยังไม่ไหม้ กลับลุกยืนขึ้นตัดพ้อหมออีก เกียงจูแหยเห็นปิศาจกล้าฆ่ามิตาย จึงทูลพระเจ้าติวอ๋องว่า เชิญเสด็จถอยไปให้ห่าง แล้วร่ายมนตร์บันดาลเป็นพายุฝนตกฟ้าผ่าลงตรงกองไฟ ครั้นฝนหาย แลดูหาเห็นหญิงปิศาจไม่ เห็นแต่รูปกระจับปี่ปีแป๋อยู่กลางกองเถ้า นางขันกีเห็นดังนั้นก็ขัดใจ คิดว่า หมอนี้จำจะคิดฆ่าเสียให้ได้เร็ว ๆ ถ้าละไว้นานไปจะเป็นศัตรู แล้วแสร้งทำมารยาดีใจหัวเราะว่า หมอคนนี้มีความรู้ดีนัก ควรที่จะเลี้ยงให้เป็นขุนนางทำราชการ และกระจับปี่นี้เป็นของเกิดขึ้นชอบกลอยู่ ข้าพเจ้าจะขอเอาไว้ดีดเล่น พระเจ้าติวอ๋องก็เรียกเอากระจับปี่มาให้นางขันกี แล้วตั้งเกียงจูแหยให้เป็นแหไต้หูสีเทียมก้าม ขุนนางผู้ใหญ่ ประทานเสื้อหมวกเครื่องสำหรับยศให้ตามบรรดาศักดิ์ ฝ่ายนางขันกีก็เอาปีแป๋ไปไว้บนที่เตียะแซเหลา วางไว้ให้ถูกแสงพระจันทร์พระอาทิตย์ บูชาทุกเช้าเย็น ไปข้างหน้าอีกห้าปี ปีแป๋ก็จะได้เกิดเป็นคนชื่อ นางอึงกุยหยิน จะได้เป็นมเหสีที่สามพระเจ้าติวอ๋อง
หน้า:Hongsin 2506 (1).djvu/223
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
เล่ม ๑
211