กินเสีย ท่านจงได้เอ็นดู อย่ากักขังไว้ ปล่อยให้เขาไปเอาบุญเถิด เตียวฮองได้ฟังก็โกรธ จึงว่า ตัวเป็นแต่หมอดู ได้เป็นขุนนาง หาคิดกตัญญูต่อพระมหากษัตริย์ไม่ กลับจะพูดให้เราปล่อยคนทั้งปวงให้ออกจากด่านอีกเล่า ถึงตัวท่านก็จะจับไว้อีก แต่เห็นว่า เป็นคนแก่ เวทนา ก็จะปล่อยให้ไปเอาบุญ ว่าแล้วก็ขับเกียงจูแหยออกไปเสีย เกียงจูแหยจึงออกมาบอกกับคนทั้งปวงว่า เราไปพูดกับนายด่านไม่ได้การ แต่ตัวเราเขาก็จะจับส่งเข้าไปด้วย คนทั้งปวงได้ฟังก็ร้องไห้ชวนกันยุดเกียงจูแหยไว้ อ้อนวอนว่า ท่านจงช่วยชีวิตข้าพเจ้าด้วย เกียงจูแหยจึงว่า ถ้าจะให้เราช่วยก็ฟังเรา เวลาค่ำวันนี้ ยามเศษ จงหลับตานิ่งอยู่ทุกคน ถ้าได้ยินเสียงลมพัดหนัก ใครตกใจลืมตาขึ้น อกจะแตกตาย เราไม่รู้ด้วย ครั้นถึงเวลายามเศษ เกียงจูแหยร่ายมนตร์เป็นลมพายุใหญ่พัดทั้งสี่ทิศ เตียวฮอง นายด่าน และผู้รักษาด่านทั้งปวง ต้องมนตร์ก็ง่วงหลับสิ้นทุกคน เกียงจูแหยจึงขับให้พวกหญิงชายทั้งปวงรีบออกจากด่านหนีไปจนถึงด่านกิจุยก๋วนชั้นนอก เป็นด่านน้อย ก็หามีผู้ใดห้ามปรามไม่ ก็ตรงไปเมืองไซรกี เห็นภูมิฐานบ้านเมืองสนุกสบาย และมีที่ไร่นาเรือกสวนที่ทำกินเป็นอันมาก ก็มีความยินดี จึงสืบถามว่า ท่านผู้ใดเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ครั้น
หน้า:Hongsin 2506 (1).djvu/236
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
224
ห้องสิน