ได้รู้แน่ว่า ซันงีเสงเป็นผู้สำเร็จราชการ ต่างคนก็เข้าหาคำนับ แล้วแจ้งความว่า ข้าพเจ้าทั้งปวงหนีร้อนมาพึ่งเย็น จะขออาศัยอยู่ด้วย ซันงีเสงก็ไปบอกความแก่กองจู๊เปกอิบโค้ผู้รักษาเมืองซึ่งเป็นบุตรชายใหญ่กีเซียง กองจู๊เปกอิบโค้ก็ให้จัดแจงที่ทางให้อยู่ทำมาหากินเป็นสุขทุกคน ที่ตัวเปล่าไม่มีภรรยาก็หาให้ แล้วแจกเงินข้าวให้ทุกเดือน
อยู่มาวันหนึ่ง กองจู๊เปกอิบโค้รำลึกถึงกีเซียงผู้บิดา จึงเรียกซันงีเสงมาปรึกษาว่า ตั้งแต่บิดาเราไปเป็นโทษติดตรุลำบากอยู่ในเมืองหลวงถึงเจ็ดปีแล้ว เรามิได้ปฏิบัติบิดาเลย เราคิดว่า จะไปเมืองจิวโก๋ จะเข้าอยู่ในตรุรับโทษแทนบิดาเรา ท่านจะเห็นประการใด ซันงีเสงจึงว่า เมื่อบิดาท่านจะไปเมืองหลวง สั่งไว้ว่า ถ้าครบเจ็ดปีแล้วจึงจะพ้นเคราะห์ได้คืนมาเมือง บัดนี้ จวนจะครบกำหนดอยู่แล้ว ท่านอย่าไปเลย ถ้าขืนไปก็จะผิดกับคำกีเซียงสั่ง ทุกวันนี้ พระเจ้าติวอ๋องก็ลุ่มหลงเชื่อถ้อยคำนางขันกี ถ้าท่านไป เห็นจะมีอันตรายเป็นมั่นคง ขอท่านแต่งคนสนิทให้ไปสอดแนมฟังดูก่อน กองจู๊เปกอิบโค้จึงว่า บิดเรามีบุตรชายถึงเก้าสิบเก้าคน เลี้ยงมาจนโตใหญ่ บัดนี้ บิดาได้ความทุกข์ยาก เราผู้เป็นบุตรที่หนึ่งจะนิ่งเสียไม่ได้ไปติดตาม เหมือน