หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
เล่ม ๑
231
 

สังเกตอยู่แล้วก็จำได้ ซึ่งจะขึ้นนั่งบนตักให้จับมือสอนนั้น ข้าพเจ้ากลัวพระราชอาญานัก นางขันกีเห็นกองจู๊เปกอิบโค้สัตย์ซื่อมั่นคง ครั้นจะดับไฟเสีย ก็กลัวกองจู๊เปกอิบโค้จะไม่ตามใจ ไม่เป็นอันดีดขิม ทำแต่มารยายิ้มแย้มให้ท่วงทีอยู่ กองจู๊เปกอิบโค้เห็นนางขันกีทำดังนั้นก็คิดว่า วันนี้เป็นกรรมของเราจะถึงที่ตายเหมือนปลาเข้าอยู่ในแหแล้ว จึงว่ากับนางขันกีว่า ทุกวันนี้ ขุนนางและราษฎรทั้งปวงย่อมคำนับกราบไหว้ท่านเป็นที่พึ่งที่นับถือ สรรเสริญว่า นางเทพธิดา จะจงใจให้ข้าพเจ้าทำดังนี้หาสมควรไม่ นางขันกีได้ฟังก็มีความอายยิ่งนัก จึงสั่งสาวใช้ให้บอกกองจู๊เปกอิบโค้ว่า ถอยออกไปเสียให้ห่าง แล้วแสร้งร้องว่า ไม่พอที่พระจันทร์จะมาส่องแสง ต้องน้ำตมน้ำครำ ทำให้คนดูถูกเล่น ว่าแล้วก็เข้าไปในที่บรรทมพระเจ้าติวอ๋อง พระเจ้าติวอ๋องครั้นสร่างเมาสุราตื่นบรรทมเห็นนางขันกี จึงถามว่า เจ้าเรียนดีดขิมได้บ้างแล้วหรือ นางขันกีกราบทูลว่า กองจู๊เปกอิบโค้หาได้ตั้งใจสอนข้าพระองค์ไม่ มีแต่พูดเกี้ยวพาน ข้าพระองค์ได้ความเจ็บอายนัก พระเจ้าติวอ๋องได้ฟังก็ทรงพระโกรธ ครั้นเวลาเช้า เสด็จออก ให้หากองจู๊เปกอิบโค้เข้ามาเฝ้า จึงตรัสว่า เราสั่งให้สอนนางขันกีดีดขิม เหตุใดมิสั่งสอนโดยสุจริต คิด