พระองค์เสวยผลไม้อยู่บนโต๊ะ ไม่รู้ว่าต่ำสูงก็เข้าไปหยิบกินเพราะความอยาก อนึ่ง มือลิงก็หามีอาวุธถือไม่ จะว่าฆ่าคนกระไรได้ พระเจ้าติวอ๋องก็ยิ่งทรงพระโกรธ ตรัสว่า อ้ายเจ้าสำนวน เมื่อสอนให้นางขันกีดีดขิมก็พูดจาหยิกหยอก กูนิ่งเสียครั้งหนึ่งแล้ว กลับปล่อยลิงขึ้นมาจนกูเห็นแก่ตายังไม่รับ แต่แรกกูคิดว่า ดีมีกตัญญู มิรู้ ก็หาดีไม่ กองจู๊เปกอิบโค้ได้ฟังดังนั้นคิดว่า วันนี้ ที่ไหนกูจะรอดชีวิต คิดแล้วจึงด่านางขันกี อีคนพยาบาทน้ำใจพาล ไม่พอที่จะมาใส่โทษกู ว่าแล้วก็ฉวยขิมขว้างเอานางขันกี ขิมนั้นไปตกถูกโต๊ะที่เสวย ถ้วยจานแตกกระจายสิ้น พระเจ้าติวอ๋องก็ทรงพระโกรธยิ่งนัก ตรัสสั่งบูซูให้จับกองจู๊เปกอิบโค้ไปทิ้งลงในเหวให้งูกิน นางขันกีทูลว่า โทษของกองจู๊เปกอิบโค้ทำดังนี้ อย่าทิ้งลงในเหวเลย ให้เอาตะปูตอกตรึงมือตรึงเท้า แล้วเชือดเนื้อทำไส้ขนมเปี๊ยะไปให้กีเซียงกิน ถ้ากีเซียงเป็นนักปราชญ์เหมือนคำคนเลื่องลือก็จะรู้ว่า เนื้อกองจู๊เปกอิบโค้ผู้บุตร หากินไม่ จึงให้ฆ่ากีเซียงเสียด้วย ถ้ากีเซียงกินเนื้อลูก ก็เห็นว่า เป็นคนโง่ หาต้องการที่จะฆ่าไม่ พระเจ้าติวอ๋องจึงตรัสว่า เจ้าว่านี้เหมือนข้าคิดดีนัก จึง
หน้า:Hongsin 2506 (1).djvu/245
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
เล่ม ๑
233