บ้านเก่าทำไร่ไถนาหาเลี้ยงชีวิตกว่าจะตาย พระเจ้าติวอ๋องก็โปรดให้ไป เสี่ยงหยงก็คำนับลาพระเจ้าติวอ๋องออกมาจากวัง
ฝ่ายปิกันกับขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงรู้ว่า เสี่ยงหยงทูลลาออกจากที่ขุนนางผู้ใหญ่จะไปบ้านเก่า ต่างคนก็พากันไปตามส่ง ฝ่ายเสี่ยงหยง ครั้นมาถึงที่ขุนนางไปมาหยุดพัก จึงลงจากม้า แล้วลาปิกันกับขุนนางทั้งปวงว่า ท่านจงอุตส่าห์ทำราชการ ระวังตัวอย่าให้ระแวงความผิด ปิกันจึงว่า ตั้งแต่ท่านกับข้าพเจ้าทำราชการมาด้วยกันช้านาน ครั้งนี้ท่านจะหนีข้าพเจ้าไปหาที่สบายแล้วหรือ เสี่ยงหยงจึงว่า ข้าพเจ้ากับท่านทำราชการมาด้วยกัน ท่านก็ย่อมแจ้งอยู่ ข้าพเจ้าจะเพ็ดทูลสิ่งใด พระเจ้าติวอ๋องก็เห็นชอบด้วย เพราะพระทัยกรุณานับถือว่าเป็นผู้เฒ่า ตั้งแต่พระองค์ได้นางขันกีมาไว้ พระทัยลุ่มหลง พระจริตก็ผิดกว่าแต่ก่อน บัดนี้ ข้าพเจ้าก็แก่ชรา กำลังน้อย มีแต่เคลิ้มเขลาหลงลืม เพ็ดทูลสิ่งใดก็ฟั่นเฟือน เห็นว่า นานไปจะไม่พ้นความผิด จึงคิดเบี่ยงบ่ายเอาตัวออกนอกราชการ ซึ่งท่านกับขุนนางทั้งปวงมาส่งข้าพเจ้าถึงที่นี่ขอบคุณนัก เชิญกลับเข้าเมืองหลวงเถิด เสี่ยงหยงว่าแล้วก็ร้องไห้ลาขุนนางทั้งปวงขึ้นม้าไป ปิกันกับขุนนางทั้งปวงก็กลับมาเมืองหลวง