ข้าวเปลือก และมีห้องแถวอีกมากห้องที่เป็นที่พักของคนงาน แต่เวลานั้นก็ปิดเงียบทุกห้อง เพราะคนงานกลัวผีหนีไปอยู่ที่อื่นหมด จึงทำให้เงียบน่ากลัว มีถนนที่เป็นทางรถยนต์สำหรับบรรทุกข้าวเปลือกส่งขายตามโรงสีทั่วไป ด้านหนึ่งตรงไปออกประตูใหญ่ที่ติดถนนหลวง และอีกด้านหนึ่งก็สร้างย้อนถอยหลังไปลงหลังบ้านที่เป็นชายน้ำ สำหรับให้คนงานหาบข้าวขึ้นจากเรือมาส่งเข้ายุ้งฉาง ที่ประตูด้านชายคลองนั้นมีคนชราผัวเมียเฝ้าประตูอยู่โดยมีบ้านหลังเล็ก ๆ ให้อาศัย ครั้นแล้วผมก็เลี้ยวเข้าด้านหมู่ไม้ใหญ่ที่ครึ้มเหมือนป่า มีมะม่วง กระท้อน ลำไย มะไฟ ชมพู่ กลางวันเป็นที่ร่มเย็นน่าสบาย ถ้ากลางคืนก็น่ากลัวแน่ ๆ ต้องมืดครึ้มไปทั่วบริเวณนั้น ข้างล่างไม่มีคนอยู่เลย มีแต่ทางหลังบ้านที่เขาเป็นคนชราสองคนเท่านั้น คนบนบ้านเจ็ดแปดคนค่ำแล้วก็ไม่มีใครลงดินเลย ต่างกลัวความวิบัติทุกคน เรื่องของขโมยนั้นพอพึ่งสุนัขในบ้านได้ มีมากตัวอยู่ใหญ่ ๆ ทั้งนั้น
ผมขอเลือกที่นอนทางเฉลียงบ้าน เป็นที่โล่งพอจะได้ดูการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ได้ถนัด ผมจะนำเหตุการณ์ที่เห็นไปรายงานคุณนพให้ถี่ถ้วน
นับแต่เวลาพระอาทิตย์ตกดินแล้ว ข้างล่างก็เงียบเสียงคน มีแต่เสียงสุนัขวิ่งเล่นหยอกล้อกันอยู่ ในคืนนั้นผมสะดุ้งใจอยู่หลายตอน ตอนแรกมีเสียงอะไรร้องวิเวกเย็นโหยหวนในหมู่ไม้มืด จะเป็นเสียงสัตว์อะไรยังไม่แน่ แต่ผมคิดว่าอาจจะเป็นเสียงสัตว์ประเภทอีเห็นหรือชะมด เพราะพรุ่งนี้ชอบอาศัยคบไม้อยู่ในเวลาค่ำมืด เพราะในบ้านนี้หลายแห่งที่ทางออกไปยังเป็นป่าดงไม้รกอยู่ เป็นธรรมดาของชนบทที่ยังไม่เรียบและเตือนไปยังกรุงเทพฯ ได้ มีบ้านคนบ้างมีป่าไม้บ้างสลับกันอยู่
เสียงต่าง ๆ ย่อมมาจากเสียงสัตว์ นกกลางคืนก็หลายชนิด นกแสกร้องกรีดหัวใจผ่านไปบ้าง นกกู๊กร้องอยู่บนไม้สูงสะท้านใจ แต่อีกตอนหนึ่งของคืนนั้น ผมก็ได้พบความวิบัติของอากาศ คือคล้าย ๆ จะเป็นพายุปั่นป่วน กิ่งไม้ในบ้านที่เป็นป่านั้นเกรียวกราวซ่าซ่าเหมือนจะหักจะโค่น พร้อมกับเสียงดินทรายก้อนเล็กใหญ่ร่วงกราวไปทั่วบ้าน