หน้า:Kotmai Mueang Thai 1882 vol 1.pdf/414

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
411
ลักษณพยาน

กว่าดาวในพื้นอากาศ แลคนอันหาความสัจมิได้ ครั้นจุติจากมนุษแล้ว ให้ไปบังเกิดเปนเปรตในเชิงเขาตรีกูฎ มีตัวอันสูงได้สามคาพยุท มีปากเท่ารูเขม เอาเล็บตนแกะซึ่งโลหิตในกายกินเปนภักษาหาร สิ้นพุทธธันดรกลัปหนึ่ง ครั้นจุติจากเปรตแล้ว ให้ไปตกในมหานรกทนทุกขเวทนาแสนสาหัศสิ้นพุทธันดรกลัปหนึ่ง ซึ่งมิรู้ว่ารู้นั้น นายนิริยบาลเอากายขึ้นวางเหนือแผ่นเหล็กแดง แล้วเอาเหล็กแดงตรึงศีศะตรึงเท้าไว้ แล้วเอาขวานผ่าอกตัดตีนสินมือเสีย ซึ่งมิได้ยินว่าได้ยินนั้น นายนิริยบาลเอากายขึ้นวางเหนือแผ่นเหล็กแดง แล้วเอาหอกอันใหญ่แทงหูขวาตลอดหูซ้าย แทงหูซ้ายตลอดหูขวา ซึ่งมิได้เหนว่าได้เห็นนั้น นายนิริยบาลเอากายขึ้นวางเหนือแผ่นเหล็กแดง เอาขอเกี่ยวตาซ้าย/ขวา คร่าออกมา แลคนหาความสัจมิได้นั้น กลัวไภยแล่นลงไปยังขุมคูทธ์นรกอันเต็มไปด้วยลามกอาจมเดือดพล่านว่ายอยู่ มีตัวอันละลายไปแล้วเกิดขึ้นมาเสวยทุกขเวทนาอีกเล่า ครั้นจุติจากนรกแล้ว จักเกิดเปนสุนักขเรื้อน เปนสัตวเดือนกิ้งกือ ถ้าเกิดเปนมนุษ จะเปนง่อยเปลี้ยแต่ในครรภ แลตานั้นบอด หูนั้นหนวก เปนคนเตี้ยค่อมบ้าใบ้แต่กำเนิด เกิดวิบัติสรรพต่าง ๆ แลไภยอันตรายซึ่งกล่าวมาทั้งนี้จงได้แก่พยานอันหาความสัจมิได้นั้น ถ้าแลผู้เปนศักขีพยานกล่าวแต่ตามสัจตามจริงไซ้ แลเกิดมาในภพใด ๆ ถ้าเปนบุรุษ จะบริสุทธิ์ไปด้วยรูปโฉมโนมพรรณสัณฐานอันประเสริฐ บังเกิดเปนนักปราชกอปด้วยปรีชาชาญ ถ้าเปนอิษัตรี จะมีพรรณสัณฐานอันไพบูล แลผลแห่งคนอันมีความสัจนั้น ไปในอะนาคตจะทรงพระไตรปิฎกธรรมอันเปนที่จะยกเอตะทักคะในพระพุทธสาศนาสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยเจ้าอันมาตรัสในภายภาคน่า แลจะบ่ายหน้าเข้ายังพระอมัตะมหานครนฤพานนั้นแล ๚ะ

๕๒