หน้า:Kotmai Mueang Thai 1882 vol 2.pdf/237

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๓๖
๏ ลักษณอาญาราษฎร ฯะ

จะกล่าวมูลคดีวิวาทอันบังเกิดความแก่กัน ด้วยล่วงเกินข่มเหงผู้อื่นด้วยอุบายต่าง ๆ ตามอาญาแห่งตนเอง คือ กุมเกาะเบาะแชลงถูลากเอาท่านผู้อื่นมาทุบถองทำโภยโบยตีจำจอง ต้องบาฬีมีในพระธรรมสาตราว่า ปะรัมปะสัยโหปิจะอัตตะอาณัมม์ เปนต้นดังนี้ มีอรรถาธิบายดังพรรณนามาแล้ว แต่นี้จะสืบสาขะคดีกิ่งความตามพระราชบัญญัติซึ่งโบราณราชกระษัตริยคำนึงตามพระธรรมสาตรอันเปนบทมาตราดังนี้

ศุภมัศดุ ๑๙๐๓ ปีจอนักษัตร ตรีศก อาสุชมาเส สุกปักเข เอกาทัศมีดิถียัง อาทิตยวาร พระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระเจ้ารามาธิบดีศรีสุนธรบรมจักรพรรตราธิราชพระเจ้าอยู่หัวมีพระไทยเมตาแก่ประชาราษฎรทั้งปวง จึ่งทรงพระราชบัญญัติจัดเปนพระราชกฤษฎีกากำหนดเปนมาตราไว้ดังนี้ ๚ะ

๓๐มาตราหนึ่ง ข้าหนีเจ้ากู้นี่ถือสีนทรัพยติดพันธกันหนีไปซุ่มซ่อนอยู่แห่งใด ๆ เจ้านี่เจ้าข้าไปภบปะเข้า ท่านมิให้เกาะกุมเอาเอง ท่านให้อายัดไว้แก่นายบ้านร้อยแขวงกรมการ แล้วให้มีโฉนดฎีกาไปเรียกเอา ถ้าหาผู้รับอายัดไม่ ให้ส่งยังแขวง แลแพ่งให้ตราคำมันไว้ จึ่งให้หาความกันโดยกระทรวง ถ้าภบมันที่กลางทาง ให้ถามถึงที่อยู่ จึ่งเอาตัวมันไปอายักไว้ที่นั่น ถ้ามันมิบอก ให้ภามายังพระสุภาวดี ให้ตราคำมันไว้เปนคำนับ ถ้าเจ้านี่เจ้าข้ามิได้บอกแก่ร้อยแขวงแลสุภาจ่าเมือง แล