พระวิกรมาทิตย์ทรงสำรวลแลตรัสว่า "เจ้าจะเป็นบ้าดอกกระมัง เจ้าอยู่ในอำนาจของข้าแล้ว ข้าจะตัดลมหายใจของเจ้าเสียก็ได้ในบัดนี้ เจ้าจะกลับมาให้ชีวิตของข้าแก่ข้าอย่างไรเล่า เจ้าไม่ต้องให้ชีวิตข้า ๆ ก็มีชีวิตต่อไปได้"
ยักษ์ตอบว่า "พระองค์อย่ากล่าวเย่อหยิ่งให้เกินไป พระองค์ตั้งอยู่ในความไม่รู้ พระองค์จะสิ้นชีวิตในเร็ววันนี้เอง ถ้าข้าพเจ้าช่วยให้พระองค์พ้นภัยถึงแก่ชีวิต คือข้าพเจ้าถวายชีวิตแก่พระองค์ พระองค์จงฟังเรื่องซึ่งข้าพเจ้าจะเล่าถวาย แล้วทรงตรึกตรองดูเถิด ถ้าเชื่อข้าพเจ้าแลทำตามคำข้าพเจ้า พระองค์จะทรงชนมายุยืนยาวประกอบด้วยผาสุกสวัสดีเป็นที่พึ่งของประชาราษฎร์ไปชั่วกาลนาน แลเมื่อถึงคราวดับพระชนม์ ก็จะดับด้วยความไม่กระสับกระส่าย"
พระราชาแลพระราชบุตรเสด็จลงจากตัวยักษ์ยืนอยู่ยังดิน ยักษ์ลุกขึ้นนั่งแล้วเล่าเรื่องดังต่อไปนี้
"ในกรุงอุชชยินีนี้ มีคนเกิดในวันเดือนปีเดียวกันแลฤกษ์เดียวกัน ๓ คน คนที่ ๑ คือ พระองค์ผู้ทรงนาม พระวิกรมาทิตย์ คนที่ ๒ เป็นบุตรคนค้าน้ำมัน คนที่ ๓ เป็นโยคีฆ่าคนที่ ๒ ตายเสียแล้ว โยคีนั้นฆ่าคนทั้งหลายที่มีโอกาสฆ่าได้เพื่อบูชานางทุรคา ครั้นฆ่าบุตรคนค้าน้ำมันแล้ว โยคีนั้นก็ไปทำตบะห้อยตัวเอาหัวลงอยู่บนต้นไม้ในป่าช้า มีความคิดจะฆ่าพระองค์ผู้เป็นพระราชา แลได้ฆ่าแล้วซึ่งบุตรของตน"
พระราชาตรัสถามว่า "โยคีเหตุไรจึ่งมีบุตร"
ยักษ์ตอบว่า "ข้าพเจ้ากำลังจะเล่าอยู่เดี๋ยวนี้ ในเวลาซึ่งพระราชบิดาของพระองค์ยังทรงพระชนม์ครองราชสมบัติอยู่นั้น วันหนึ่ง เสด็จออกเที่ยวป่า ได้ทอดพระเนตรเห็นโยคีตนหนึ่งนั่งทำตบะอยู่ในป่า