พ่อของตัวซึ่งไม่ถูกกับผู้ใหญ่เขียน เพราะแพ้ความเรื่องรุกที่นา และจนทุกวันนี้ตาเรือง พ่อเจ้าเรียม กับผู้ใหญ่เขียน พ่อของเจ้าขวัญ และตัวเจ้าขวัญเอง กับเจ้าเริญ ก็ยังอาฆาตมาทร้ายกันอยู่เสมอ แต่เจ้าขวัญกับเจ้าเรียมกำลังรักกันเหมือนจะกลืน และมันจะเปนผลสำเร็จกันไปได้อย่างไร
ทอดตามองดูสายน้ำไหล แล้วถอนใจสอื้นไป คิดไปถึงความหลัง ๆ และการข้างหน้า ไม่รู้ว่าอะไรมันมาจุกประดังอยู่ที่คอหอยจนพูดไม่ออก คนเหล่านั้นโกรธเกลียดอาฆาตกัน แต่เรารักกัน แล้วใครจะเห็นใจเรา นอกจากเราเห็นกันเอง เมื่อต่อไปข้างหน้า มิต้องยึดสายน้ำนี้เปนที่พบปะลอบรักกันหรือ แล้วอีกสักกี่ปีกี่ชาติเล่าจึงจะสมรักอย่างเขาอื่น แต่ที่เจ้าเรียมกระวนกระวายใจกลัวหนักหนาก็คือ เจ้าขวัญกับหล่อนจะต้องค้างคอยลอบรักกันไปจนกว่าน้ำจะแห้งคลองจะเขิน แล้วก็หลับตาสิ้นอายุไปด้วยกันทั้งรัก ๆ
"แล้วเราจะทำยังไงเล่าจ๊ะ พี่ขวัญ เพราะพ่อกับท่านผู้ใหญ่แกก็เปนสัตรูกัน หนำซ้ำพี่เริญก็ไม่ถูกกับพี่ขวัญเสียด้วย เฮ้อ―ฉันกลุ้มเสียจริง"
เจ้าขวัญก็กำลังจนปัญญาในข้อนี้ หัวใจเรรวน พูดไม่ถูก เจ้าเรียมกับมันกำลังคิดตรงกัน
แข็งใจตอบไปว่า "ค่อยคิดค่อยอ่านเถอะ เรียม เราค่อยชลอ ๆ ดูเขาไปก่อนดีกว่า ไม่ช้าเขาก็ดีกันเอง เพราะเราใช่อื่นไกล ผืนนาก็อยู่ติด ๆ กัน บ้านใกล้เรือนเคียง จะโกรธกันไปถึงไหน"
"ไม่เห็นเลย พี่ขวัญ ฉันมองไม่เห็นจริง ๆ" แล้วเจ้าเรียมก็ถอนใจอีก "นี่ฉันก็นับว่าเปนลูกนอกคอกนอกคำพ่อคำแม่อย่างตกนรกทีเดียว แกห้ามนักห้ามหนา เพราะรู้จากพี่เริญว่าเรารักกันมานานแล้ว แกว่า ถ้าไม่เชื่อคำแก ก็อย่าอยู่ดูผีดูไข้กันเลย"
ความกระอักกระอ่วนของเจ้าขวัญถึงที่สุด ไม่รู้จะหาคำใดมาปลอบเจ้าเรียมอีกได้ เพราะอะไรมันก็จริงของเจ้าทั้งสิ้น ตลอดย่านปลายน้ำตลอดทุ่งเวิ้งบางกะปิและแสนแสบทั้งสองฟาก เจ้าขวัญไม่กลัวไม่พรั่นใคร ผีสางนาง