เร็วปร๋อ หยิบดาบคู่มือขึ้นจบท่วมหัวเล็ดลอดออกไปทางเดิม ละเจ้าเรียมให้ร้องไห้อยู่แต่เดียวดาย
เมื่อตาเรืองกับเจ้าเริญตามมาส่งจนสุดเขตต์นาแล้ว เจ้าจ้อยกับพวกก็บอกลาอีกหนหนึ่ง แล้วก็พากันเดินมุ่งหน้าข้ามไปทางปลายอันนาโน้น
ทางจะกลับบ้านเจ้าจ้อย เมื่อพ้นทุ่งนาแล้วต้องผ่านวัด ความเคยชินและฤทธิ์เหล้าทำให้เจ้าจ้อยกับพวกครึกครื้นร้องเพลงลั่นตลอดทางโดยไม่สทกสท้านหรือเกรงอกเกรงใจใคร
พอผ่านพระเจดีย์ เจ้าเพื่อนที่เดินหลังสุดร้องโอ๊ยแล้วล้มลง
"ข้าถูกฟันแล้ว พี่จ้อย"
เจ้าจ้อยกับเพื่อนอีกคนหนึ่งขนลุกเกรียวสร่างเมา กำดาบมั่นหันกลับโดยเร็ว
เจ้าคนมอมหน้าโพกหัว ปราดออกจากท้ายพระเจดีย์ วิ่งเข้าใส่ไม่รอให้ตั้งตัวแล้วฟันเจ้าลัดเพื่อนเจ้าจ้อยที่ขวางหน้า เจ้าลัดยกดาบขึ้นรับ แต่มันฟันเร็วและหนักใจหาย บุกตลุยเสียเจ้าลัดตั้งตัวไม่ติด ถอยกรูด ๆ หลังปะทะกับเจ้าจ้อยพอเหลียวดูเพราะกลัวล้มและเข้าใจว่า เจ้าหน้าดำมีพวกมาด้วย ก็ถูกฟันผ่าลงกลางแสกอย่างเต็มดาบเลือดกระจาย
เมื่อเสียเจ้าลัดลงอีกคนหนึ่งที่นับว่ายอดนักเลงและฝีมือดีก็เท่ากับเจ้าจ้อยมองเห็นป่าช้าจะหนีก็เปนการทิ้งเพื่อนอย่างบัดซบ จึงจำใจจำสู้
เกือบจะพูดได้ว่า เจ้าจ้อยเปนนักเลงเที่ยวมาก็นัก แต่ยังไม่เคยได้ประจญกับฝีมืออย่างอ้ายหน้ามอมคนนี้เลย มันฟันมาแล้วถึงสองคนก็ไม่เห็นเหน็ดเหนื่อยหรือเพลี่ยงพล้ำเลย ดาบฉวัดเฉวียนรวดเร็วจนตาลายปิดแทบไม่ถูก และในครู่ต่อมา เจ้าจ้อยก็มุ่งแต่จะฟันช่วงคอจึงปล่อยอกว่าง เลยถูกเจ้าคนมอมหน้ายกเท้าถีบอกเต็มแรง จนเท้าหลุดจากพื้นดินหงายหลังอย่างไม่ได้หลักดาบกระเด็นไปไกล
เพียงเสียงหัวเราะอย่างแค้น ๆ ในลำคอของมันเท่านั้น เจ้าจ้อยก็ใจหายหมดสติ มันเสียงอ้ายขวัญแท้ ๆ
แล้วเท้าก็เหยียบลงบนอก มือจิกศีร์ษะสับเอา ๆ ๓–๔ แผล พอเลือดเข้าตาแล้วก็ลุกขึ้นวิ่งผละหนืออกหลังวัด