ก็เหมือนชายผ้าเจ้าเรียมเมื่อครั้งหลัง เรียมเอ๋ย ข้าจะต้องดูชายแพรนี้ต่างหน้าเจ้าไปอีกสักกี่ปี เจ้าพ่อเอ๋ย ถ้าให้เรียมกลับมาหาลูกแล้ว เมื่อจะเอาเลือดอ้ายขวัญเปนเครื่องเส้นอีกสักเท่าไรก็ขอให้เข้าฝันบอกเถิด
ก่อนเพน ถ้าจะนับถึงงานไถนาในวันนี้ของเจ้าขวัญก็ดูเหมือนมิได้ไถเลย ลมทุ่งพัดหวลไปหวลมาปั่นป่วนพิกล เหมือนเมื่อ๓ปีโน้น อ้ายขวัญก็นึกไปนิ่งไป เออลมยังงี้และข้ายังจำได้ว่านัดเจ้าเรียมไปฟากคลองในวันนั้น ลมมันหวล ลมมันหวล เจ้าขวัญรำพึง เออ–เรียมเอ๋ยเมื่อลมมันหวลครั้งไร ข้าก็อดหวลคิดถึงเจ้าไม่ได้ หรือว่าลางลมมันจะให้ข้ารู้ว่าเจ้าจะหวลมาบางกะปิอีก
ผลุนผลันทิ้งหางไถ แล้วเจ้าขวัญเจ้ากรรมก็เผ่นขึ้นหลังอ้ายเรียว ไม่ต้องลงตะพด หรือเตือนสนตะพายเลย อ้ายเรียวแสนรู้คู่ยากก็ออกเดินด่มไม่แวะเวียน ขะโยกบ้าง ตะโพงบ้าง แล้วแต่มันกระทั่งถึงฟากคลองก็ผงาดลงน้ำลอยป๋อว่ายรี่ ๆ ตัดเข้าคุ้งโน้นแล้วก็ขึ้นตลิ่ง อีดอาดไปตามสันดานจนถึงหน้าศาล
มันกราบแล้วกราบอีก บนบ้าง อธิฐานและเล่ารำพรรณทุกข์ร้อนไปบ้าง แหงนหน้าขึ้นสู่ศาลครู่ใหญ่ แล้วก็ลดลงต่ำ ตาจับอยู่ที่แพรแดง โอ้ว่า แพรแดงเครื่องระลึกของข้า เลือดของข้ารักของข้าฝากไว้ที่นี่ทั้งหมด เหลียวดูข้างขวาเล่า ห่างไปชั่วฝ่ามือเดียวก็คือที่นั่งของเจ้าเรียมเมื่อวันโน้น เออเจ้าเคยนั่งข้างพี่ตรงนี้ ตรงนี้แท้ ๆ เจียวเจ้าเรียม แล้วมันก็เอามีดปักไว้เปนที่สังเกตุ
ลมพัดเย็นสบาย บางทีแรงกระโชกเหมือนจะขู่เข็ญอ้ายขวัญ แต่บางครั้งเหมือนเสียงกระซิบของเจ้าเรียม แปลกนักวันนี้แปลกจนเจ้าขวัญแปลกใจเพราะแพรผืนนั้นได้หลุดชายห้อยลง เจ้าขวัญขนลุกเกรียว ตรงเข้าไปประคองสองมือด้วยความเคารพ แล้วมันก็จูบค่อย ๆ จิตต์ระลึกไปว่าชายผ้าของเจ้าเรียม หลั่งน้ำตาเสียพอได้คลายทุกข์แล้วก็ปูผ้าลงกราบเปนการอำลาสำหรับวันนี้