มีจนกระทั่งเรือรั่วของตาเรือง นี่เจ้าเรียมกลับบางกอกแล้วหรือ เรียมลืมคำนัดของพี่เสียแล้วกระมัง
เจ้าขวัญถอยลงมาที่กะใดตามเดิมลับ ๆ ล่อ ๆ เกรงคนจะเห็น มองไปในโรงนาเห็นแสงตะเกียงจุดอยู่ริบ ๆ ยังพอใจชื้น เจ้าเรียมคงให้พวกนั้นกลับไปบางกอกก่อน ส่วนตัวเจ้าคงจะยังอยู่ในโรงนั่นเอง ตะเกียงยังไม่ดับพ่อเรืองและอ้ายเริญก็คงยังไม่นอน เจ้าจึงมาไม่ได้ เรียมเอ๋ยเจ้าคงยังไม่รู้ว่าพี่มาแล้ว และเจ้าจะห่วงนึกถึงคำนัดของพี่มั่งไหมหนา
เสียงตาเรืองไอจากโรงนาได้ยินถนัด เสียงตบยุงดังผัวะใหญ่แล้วพูดขึ้นดังพอจำเสียงได้ว่าเปนอ้ายเริญ
"ป่านนี้นังเรียมเห็นจะถึงบ้านแล้วกระมังพ่อ"
"อ๊ะ ถึงเสียเปนนานละ" ตาเรืองตอบลูกชายชี้แจงความดีพิสดารของเรือ "พอพ้นคุ้งออกคลองใหญ่มันก็แล่นฝั่งลายไปเท่านั้นเอง"
แล้วเสียงสองพ่อลูกพูดกันดังบ้างค่อยบ้างถึงเรื่องวาสนาดีของเจ้าเรียม และหันมาพูดเรื่องคนเจ็บและปรับทุกข์ปรับร้อนกัน
เจ้าขวัญแทบจะหลุดจากกะใดหล่นตูมลงน้ำ หมดเรี่ยวแรงที่จะชะเง้อคอยเจ้าอีก มันถอยลงมายืนอยู่กระใดคั่นสุดน้ำท่วมเพียงอก เรียมเอ๋ย, พอเดือนขึ้นขอบฟ้าพี่ก็นึกถึงคำนัด แต่เจ้าหนีพี่ไปบางกอกเสียแต่เมื่อเย็นแล้วหรือ เจ้าล่อให้พี่หลงคอย เรียม–เรียมเจ้าบาปลึกล้ำ เจ้านัดพี่แล้วเจ้าหนีพี่ไปช่างไม่สงสารอกพี่มั่ง
เจ้าขวัญมองไปบนโรงนาแล้วถอนใจใหญ่ ตะเกียงดับมืดซ้ำดวงเดือนที่เปนกำหนดนัดของเจ้าเรียมก็กำลังหนีเข้าเมฆ แล้วข้าจะคอยใครอยู่อีก เรียมเอ๋ย, เจ้าหลอกข้าให้หลงแล้วหนีไป เพราะรักเจ้าหน่ายหมดแล้ว เจ้านัดให้ข้าอิ่มใจในชั่วเย็น แล้วข้าจะแห้งใจไปชั่วชาติ เจ้าไปอยู่บางกอก ๓ ปี ข้าคิดไม่วายว่าเจ้ายังรักข้ายังรักอ้ายขวัญลูกทุ่งน้ำเดียวกันกับเจ้า เอ้ออีเรียมเอ๋ย มึงจะฆ่ากูแท้ กูมาเพราะมึงนัด กูเก้อเพราะมึงลวง กูเพ้อหามึง กูร้องไห้หามึง เมื่อน้ำ