สุขสบายแก่มันเหมือนเก่าก่อน เพียงแต่เห็นฝั่งเห็นตลิ่งก็ทำให้มันชอกช้ำจนเกือบจะต้องย้ายที่ทิ้งบางกะปิบ้านเกิดไปเสีย
อาการไข้ของแม่เจ้าเรียมมีเพ้อพกตลอดเวลา เจ้าเริญและตาเรืองต่างลงนิ้วเห็นว่า น่าจะถูกผีทุ่งผีท่าเปนแท้ และหนทางรักษาก็มองไม่เห็นทางใดดีกว่าให้เจ้าเรียมไปบนบานเจ้าพ่อไทร เพราะเจ้าเรียมเคยถวายตัวเปนลูกมาแต่เล็ก ยิ่งดึกก็ยิ่งเพ้อมากขึ้นจนเข้ายามเศษจึงสงบหลับไป
แม้จะเปนบ้านเกิดแต่ก็จากไปเสียนานจึงทำให้เจ้าเรียมผิดที่นอนไม่หลับ และยุ่งยากด้วยความในใจต่าง ๆ ตัดสินไม่เด็ดขาดลงไปได้ เมื่อพ่อกับพี่เริญหลับแล้ว เรียมจึงออกมาหลังโรงนาหมายจะนั่งตากลมพอเย็น ๆ ที่เจ้ารอดน้องชายนอนเฝ้าควาย พอมาถึงเห็นเจ้ารอดสุมไฟทิ้งไว้เกือบจะมอดหมด ส่วนตัวมันหลับกรนลั่น เรียมนั่งลงบนแคร่ไม้ข้าง ๆ มัน
ความเงียบสงัดทำให้เรียมคิดหวาดไปต่าง ๆ มองไปข้างหน้า ท้องทุ่งกำลังหลับสงบอยู่ในความมืด การจากบ้านไปนาน ๆ ของเรียมทำให้เธอขลาด แต่ก่อนแต่ไรเมื่ออยู่นาเธอจะไม่นึกรังเกียจความมืดเลย เพราะความมิดทำให้เธอกับพี่ขวัญได้ลอบพบกันอย่างไม่มีภัย
เสียงสุนักข์หอนไกล ๆ ทางลำกระโดงโน้น เรียมรู้สึกวิเวกมาก เพราะนาน ๆ จะได้ยินสักครั้งหนึ่ง เสียงนี้ทำให้ใจวังเวงคิดถึงธรรมชาติและความเปนอยู่หนหลังของเธอเมื่อครั้งก่อน ๆ เมื่อ ๓ ปีโน้นเธอจำได้ว่าเสียงสุนักข์หอนสุนักข์เห่าพอเงียบไปแล้วไม่ช้าเธอจะเห็นหน้าเจ้าขวัญลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวลำกระโดง
อีเกในคอกลุกยืนถอยหน้าถอยหลังหายใจฟึดฟัดจนเรียมแปลกใจ ชะเง้อดู เธอต้องผวาเข้ากอดเจ้ารอดน้องชายที่นอนหลับอย่างแสนขี้เซาตัวเนื้อสั่น จะออกเสียงปลุกก็ไม่กล้าจึงหมอบนิ่งตาจับที่ร่างชายคนหนึ่งกำลังคืบคลานใกล้เข้ามา มือถือมีดขาวปลาบ
"เรียม เรียมเอ๋ย"