หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร

"โอ๋ เรียม มีดนี่แน่ะเอ้า เจ้าฆ่าพี่เสียที่ลำกระโดงนี่ยังจะดีเสียกว่าเจ้าไปมีผัวบางกอก เรียมเอ๋ย เจ้ากระเถิบมาให้ชิดพี่หน่อยไม่ได้หรือ" เสียงเจ้าขวัญแตกพร่าเหมือนคนมีไข้ "เจ้าห่างพี่มาร่วม ๓ ปีแล้ว กลิ่นผ้ากลิ่นเนื้อเจ้าพี่จำไม่หายเลย"

เรียมเธอนั่งเปนสง่าอย่างหญิงพระนคร เพ่งตาดูเจ้าขวัญจนมันรนรานด้วยกิริยาของเธอ

"คอยนังเรียมบ้านทุ่งของพี่เถิด อย่ามายุ่งกับฉันเลย"

มันหมอบเมียงลงใกล้ ๆ ราวกับเธอเปนเจ้าแม่ประจำทุ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ แล้วก็อ้อนวอนด้วยคำหวานของมันว่า

"แม่เรียม อย่าให้พี่ตายเหมือนปลาค้างแห้งเลย เมื่อเจ้าเปนน้ำหลากมาแล้วก็ขอให้พี่ได้ชุ่มชื่นสมกับที่คอยน้ำเถิด"

เรียมขันแต่แล้วก็เศร้า เออ-บ้านนอกคอกนาเสียจริงเจียวขวัญเอ๋ย ฉันเสียใจจริง ๆ ที่หนีเธอไปรับความรุ่งเรืองแต่ผู้เดียวจึงทำให้รักฉันจางเธอไป ทำไมฉันจึงจะมีความรู้สึกเหมือนฉันเมื่อก่อนมั่งเลา เราจะได้รักกันอย่างดูดดื่มปลื้มใจแล้วกอดคอกันร้องไห้เสียต่อหน้าพระจันทร์ดวงนี้

"บาปกรรมจ้ะพี่ขวัญ นั่งขึ้นเถอะ" เธอจับแขนแทบจะประคองมันขึ้น

แม้หนหลังจะอย่างไรแต่หนนี้เจ้าเรียมก็ยังเปนของใหม่สำหรับเจ้าขวัญ เพราะพรากกันไปนาน ๆ และกลับมาอย่างฟ้าห่างดินก็ทำให้ประหม่าตื่นใจเปนที่ยิ่ง

มันพูดด้วยความรักที่โลดออกมาจากใจว่า

"เรียมของพี่เอ๋ย เปนกุศลหนหลัง-เปนบุญนักเทียวที่พี่มีชีวิตยั่งยืนมาถึงมื้อนี้ เออ-เรียมเจ้ารำลึกตลิ่งใกล้กอแขมใต้ต้นไทรวันนั้นได้ไหมเล่า โธ่เอ๋ย พี่นึกถึงวันนั้นแล้วพี่จะขาดใจตายเสียให้ได้เมื่อครั้งเจ้าอยู่ในบางกอก พี่คร่ำครวญหาแต่เจ้าไม่เว้น ทั้งงานไถงานหว่านพี่ทิ้งพี่ทอดแลไว้อย่างนั้น จนพ่อเชื้อแกก็พลอยทุกข์ถึงแต่เจ้าไปกับพี่ด้วย เรียมจ๋า พ่อแกรู้ว่าพี่รักเจ้าแกก็รักเจ้ามากเหมือนพี่ เจ้าอย่าบิดเบี่ยงหนีพี่เลย สงสาร

๕๗