หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร

จนเห็นลาง ๆ แลลับหายเข้าความมืดในดงสะโหน

โมงเช้าในวันรุ่งขึ้น เปนอันตกลงกันว่าให้เจ้ารอดไปเปนเพื่อนพี่สาว เพราะเจ้าเริญติดงานนา ส่วนตาเรืองกับเพื่อนบ้านอีกคนหนึ่งต้องอยู่ดูคนเจ็บ เมื่อตระเตรียมดอกไม้ธูปเทียนเรียบร้อยแล้วเจ้ารอดก็เข็นเรือลงน้ำ เจ้าเรียมแต่งกายกระทัดรัดนั่งหัวเรือ เจ้ารอดเปนคนพาย ทางจากบ้านไปยังศาลเจ้าพ่อนั้นราว ๓ คุ้งน้ำแต่เปนคุ้งใกล้ ๆ เจ้าเรียมมิได้เร่งร้อน ให้เจ้ารอดพายไปเอื่อย ๆ ลอดร่มไม้ใหญ่ข้างตลิ่งเย็นรื่น ในนาบางเจ้าของกำลังลงมือหว่าน บ้างก็หว่านแล้ว ยอดอ่อนขึ้นเขียวล้ำมาตกชายคลอง พายไปผ่านไป ผ่านไปจนถึงตลิ่งที่สกิดใจเจ้าเรียมแปล๊บ นั่นมันตลิ่งเก่าที่จะลืมเสียมิได้ ตลิ่งรักของเจ้าเรียมและเจ้าขวัญเมื่อครั้งก่อน รากไทรที่เจ้าขวัญเกาะอุ้มเธอพักเหนื่อยนั่นผุไปแล้วตลิ่งก็เว้าใกล้จะพังอยู่แล้ว ไทรริมฝั่งกำลังเอนอยู่แต่จะโค่นลงน้ำไปเท่านั้น ภาพเจ้าขวัญกำลังแหวกน้ำไล่เธอและทันกันที่ริมไทรกำลังผุดขึ้นจากน้ำหลอกหลอนเธอข้างตลิ่ง

เรียมไม่เข้าใจอะไรเลยว่า ทำไมสิ่งเหล่านี้จึงช่างฝังจิตต์และความจำของเธอเสียจริง บางครั้งคล้ายจะได้ยินเสียงห้าว ๆ กระซิบที่ข้างหูว่า นังเรียม เจ้าสาบาลไว้กับข้า ทั้งเจ้าและอ้ายขวัญน่ะมันเปนลูกข้าตั้งแต่เล็ก ๆ เสียงลมโกรกทุ่งและผ่านท้องน้ำ เสียงจ๋อม ๆ ของฝีพายเจ้ารอดที่ผ่านความสงัดของคลองปลายน้ำ มักจะทำให้เธอได้ยินระแวงไปเปนอื่น เปนเสียงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่ประจำไม้ใหญ่เรียกร้อง เสียงฮือ ๆ ลมหวล ผัวะเผาะของไม้ใหญ่ ๆ และกิ่งเล็กหัก พงอ้อไหวเยือกเกรียวไปทั้งกอลู่ราบไปตามทางลมเหล่านี้ เธอก็แว่วไปว่า อีเรียมกลับมา มึงต้องกลับมา

เรียมนั่งใจหวั่นระลึกความหลังมาตลอดทางจนเรือลับคุ้งเข้าเทียบฝั่ง เจ้ารอดเข็ญเรือขึ้นเกยตลิ่งไว้ครึ่งลำแล้วเอาโซ่พันไว้กับตอไม้ เดินตามหลังพี่สาวไปห่าง ๆ จนถึงลานดินหน้าศาล

๖๑