พอพูดขาดคำก็ได้ยินเสียงกู่ร้องของเจ้ารอดผู้ดูต้นทาง เรียมล่อแล่กตกใจเหลียวรอบตัว
"เร็วเถอะพี่ขวัญ ไม่พ่อก็พี่เริญคงมาตามฉันเปนแน่ หลบไปเสียก่อนเร็ว ๆ เข้าเถอะ แล้วฉันจะให้เจ้ารอดไปบอกวันหลัง"
เจ้าขวัญไม่ค่อยตกใจเพราะมันเห็นว่า คนอย่างตาเรืองหรือเจ้าเริญจะทำอะไรมันไม่ได้ เว้นเสียแต่มันจะเห็นแก่เจ้าเรียม
มันจับไหล่เรียมให้หันมา เขย่าเบา ๆ แล้วก็จ้อง หนัามันเศร้า ๆ
"งั้นพี่จะรีบไป อย่าลืมให้อ้ายรอดส่งข่าวก็แล้วกัน ถ้าอ้ายพวกบางกอกจะมาขืนใจเจ้ากลับจะก็ บอกให้พี่รู้มั่ง พี่ไปละ"
ขาดคำ มันจูบเจ้าเรียมในกะทันหัน หลบไม่ทัน ลุกวิ่งหย่อง ๆ ออกหลังศาล แหวกพงอ้อที่มันมาแต่เดิม หายลับไปรวดเร็ว จนเรียมพิศวงว่า เจ้าขวัญของเธอมันข่างแม้นมนุสส์กายสิทธิ์ สมเปนเจ้าทุ่ง
ชั่วครู่ เจ้ารอดก็มาถึง และตาเรืองกับเจ้าเริญก็มาถึงไล่ ๆ กัน สองพ่อลูกถือดาบมาคนละเล่มเพราะเข้าใจว่า การที่เรียมหายมานาน ๆ คงจะเปนอะไรไป หาไม่ก็ถูกเจ้าขวัญดักตัวไปไว้ โดยความเข้าใจของสองพ่อลูกนั้นยังคิดว่า เจ้าเรียมคงไม่เหลียวแลอะไรอีกกับคนอย่างอ้ายขวัญ.
๓ วันต่อมา เจ้าขวัญแต่ก่อนเคยยึดเอาสายน้ำลำคลองพงอ้อกอแขมริมตลิ่งเปนที่นัดพบปะชืนใจกับเจ้าเรียมแต่กาลโน้น ก็ต้องเปลี่ยนความคิดไปอีกอย่างหนึ่ง แต่ก่อนเรียมต้องเลี้ยงอีเก ก็พอจะโกหกพ่อและพี่ชายได้ ทั้งเรียมก็ว่ายน้ำเก่งปานผู้ชาย แต่เดี๋ยวนี้ธรรมชาติของบางกะปิทุก ๆ หย่อมหญ้าและคุ้งน้ำทำให้เรียมหวาดกลัว ทั้งขาดความชำนิชำนาญต่อสิ่งเหล่านี้เสียหมด หนำซ้ำยังต้องนังพยาบาลแม่