คืนและเลี้ยงผู้คนมาก ๆ เช่นนี้ ถ้าไม่ได้จำนวนเงินของเจ้าเรียมที่ติดตัวมาด้วย งานนี้จะครึกครื้นไปไม่ได้
สัก ๒ ทุ่ม พระก็สวดไป คอหมากรุกก็โขกกันลั่น คอเหล้าก็ดวดเสียอย่างสมอยาก พอเลยแก้วสองพุทธวาจาไปแล้ว ก็คุยถึงอภินิหารต่าง ๆ ของตนอวดกันเสียงโขมง เพราะต่างคนต่างเปนนักเลงบ้านใกล้รุ่นราวคราวเดียวกัน การที่เจ้าเริญสมคบนักเลงพวกนี้ไว้มาก ๆ ก็เพื่อจะรวมหัวปราบเจ้าขวัญ ยิ่งสำหรับคืนนี้ด้วย ก็ออกจะสำหลักสำคัญอยู่ เพราะที่บ้านมีงานอย่างหนึ่ง และเจ้าเรียมก็อยู่บ้านอีกอย่างหนึ่ง เจ้าเริญเกรงว่า อ้ายลูกผู้ใหญ่เขียนจะย่องมาลอบพบกับน้องสาว หรือไม่ก็เข้ามาอาละวาดในวันงานตามที่มันเคย ๆ เห็นมาแล้ว หาไม่ก็แอบกินเพื่อนเจ้าเริญเวลากลับดึกอย่างที่ทำกับเจ้าจ้อย
เจ้าเริญให้อ้ายรอดแบกไหน้ำขาวตามหลังมันมาอีกไหหนึ่งเปนการเพิ่มเติม ตัวมันเองตรงมายังลานนวดที่เจ้าพวกเพื่อนกำลังอวดฤทธิ์เดชกันอยู่
"เอาเว้ย—พวกเรา" เจ้าเริญเริ่มขึ้นจนพวกนั้นเหลียวดู "ดวดให้เต็มที่ตามซาบาย ไม่ต้องกลัวหมด ของเรามีถมไป เอ้าเร็วซีว๊ะอ้ายรอด ตั้งลง ตั้งลงกลางแจ้งนั่นและ"
พอเจ้ารอดวางไห วงเหล้าก็เพิ่มขึ้นมาอีกวงหนึ่ง วงนี้มีด้วยกันหลายรุ่น คือ ผู้ใหญ่ตั้งแต่ขนาดตาเรืองลงมาจนถึงหนุ่มรุ่นเจ้ารอด
"ให้หงำเถอะว๊ะอ้ายน้องชาย ไม่ต้องเกรงเรื่องเกรงราวอะไรหรอก พวกเราทั้งเพ เมื่อใครมันจะหลวมคอกผิดทุ่งเข้ามา พี่รับเอง" หัวไม้รุ่นเจ้าเริญคนหนึ่งเมาแประพูดขึ้น เมื่อเห็นเจ้ารอดอิด ๆ ออด ๆ ก็เลยจับกรอกเสีย แล้วเฮฮากันขึ้นอย่างครึกครื้น
เรียมแต่งดำทั้งชุดออกจากโรงนาตรงมายังลานของพวกขี้เมา พวกนั้นโห่ต้อนรับและตบมือกันเกรียวใหญ่
"เออ—มึงเช้งยังกะสาวบางกอกเชียวฮิ๊อีเรียม" ขี้เมารุ่นพ่อเรืองคนหนึ่งทักขึ้นอย่างนึกรักใคร่ ข้างอ้ายหนุ่มรุ่นเจ้าเริญที่นั่งรวมอยู่ด้วยสอดขึ้นมั่งว่า