"นังเรียมมันสวยลบหน้าสาวบางกะปิหมดทั้งบางเลยทีเดียว—เออ มึงสร้างวาสนาด้วยอะไรว๊ะอีเรียม"
เรียมเปนเดือดเปนแค้น เธออยู่พระนคร แม้หนุ่มผู้ดีก็ยังยกย่องเธอ แต่พวกเหล่านี้ช่างป่าเถื่อนไม่รู้ภาษาคนเสียมั่งเลย แม้มันจะพูดอย่างเปนกันเอง เธอก็เห็นว่าบาดหูเอามาก ๆ
เธอไม่ตอบโต้ประการใด จะกลับก็เกรงเสียกิริยา จึงยืนหน้างอหัน ๆ รี ๆ ด้วยความไม่พอใจ เจ้าอีกคนหนึ่งเพื่อนของเจ้าเริญจึงเย้าขึ้นมั่ง
"เฮ้ย―นิ่งเสียเถอะ มึงไม่เห็นรึ มันยืนหน้างอเปนหางไถอยู่นั่นไง จะเรียกจะร้องมันต้องเปนพนักงานเจ้าขวัญ เขาจึงจะถูกกัน"
ฮาขึ้นครืนใหญ่พร้อม ๆ เพราะเจ้าคนนี้ปากเดียว เรียมแทบจะร้องไห้ออกมาดัง ๆ จะว่ากล่าวก็ดูไม่เหมาะด้วยตัวเปนเจ้าของงาน จะอยู่ก็ใช่ จะไปก็เชิง ทั้งเจ้าเริญ เจ้ารอด ก็พูดไม่ออก งันไปด้วยกันทั้งคู่ ด้วยเจ้าแฉ่งคนพูดเปนหัวไม้ที่เหนือ ๆ เจ้าเริญ ซึ่งมีคนนับหน้าถือตาอยู่มาก และเคยเปนเพื่อนรักเพื่อนเกลอของเจ้าขวัญมาก่อน เพิ่งจะโกรธกันเพราะคำปั่นของเจ้าเริญ
เจ้าแฉ่งไม่ค่อยยอมหยุดง่าย ๆ ยิ่งเห็นเรียมโกรธ มันก็ยิ่งเย้าหนักขึ้นทุกที จนเรียมร้องไห้เดินตุปัดตุป่องกลับเข้าโรงนา
มีแขกมาใหม่อีกคนหนึ่ง เดิมก้มหน้าก้มตาผ่านคอกอีเกมาทางนอก นุ่งม่วงทำโจงกะเบน สวมเสื้อกุยเฮงดำ มีดอกไม้ธูปเทียนพร้อม ทุก ๆ คนเหลียวมองไปทางเดียวกัน แล้วก็มองตากันนึกฉงน ชะงัก แล้วชะเง้อ ชะเง้อดูเจ้าคนที่กำลังพันประตูลานเข้ามาอย่างแขก
เจ้าเริญปราดเข้าโรงนา วิ่งกระหืดกระหอบไปหาพ่อ สักครู่ตาเรืองก็ลากปืนยาวตามลูกชายออกมาอีกคนหนึ่ง พวก ๆ ทีกำลังเมาแทบส่าง ดาบที่พาดหน้าตักขยับกริบ ๆ บ้างก็ซ่อนซุก
เจ้าขวัญเดินเรียบ ๆ ไม่เหลียวซ้ายแลขวาสทกสท้านใคร ผ่านวงสุราที่กำลังเลี้ยงกำลังเมากันหยำเป