"มึงใจง่ายเหมือนกูจริง อ้ายแฉ่ง เออ―ให้มันยังงี้ซีว๊ะ เสียแรงเราลูกทุ่งบ้านเดียวกัน เมื่อวันนี้ธุระมันหนักก็ผ่อนเบาไป วันหน้าถึงนัดกันใหม่ก็ได้" แล้วมันนั่งลงตรงหน้าเรืองยอง ๆ ยกมือไหว้ "ฉันจึงขอให้พ่อเอ็นดูสักครั้งเถอจ้ะ ฉันอยากจะไปไหว้ศพแม่แกมั่ง เพราะแต่เล็กแต่น้อยก็เคยได้ทุ่มเถียงล่วงเกินแกอยู่มาก จึงตั้งใจจะมาขออโหสิแกเสียที จะได้ไม่เปนเวรเปนกรรมแก่ฉันข้างหน้า"
ตาเรืองพยักหน้า เพราะไม่รู้จะพูดท่าไร "ก็แล้วแต่เอ็งซี ถ้าจะประสงค์ยังว่า ก็จะเปนไรมี"
แล้วตาเรืองก็ออกเดินนำหน้าเจ้าขวัญเข้าโรงนาซึ่งเปนที่ตั้งศพ แต่เจ้าเริญกับพวกยังไม่วายตามไปออคุมเชิงอยู่แถวประตูโรงนา
เจ้าขวัญไม่คิดที่จะเอาใจดูหูใส่กับพวกเจ้าเริญ พอปักธูปลงกระถางเสร็จ ก็หันมากวักมือเจ้าเรียมให้เข้าไปหา เจ้าเรียมสองจิตร์สองใจ เพราะเกรงพ่อกับพี่ชาย แต่ดูเหมือนอำนาจมือที่เจ้าขวัญกวักมีฤทธิ์กว่า จึงเดินไปนั่งลงข้าง ๆ
"พี่ขาดเหลือจะต้องการอะไรหรือ"
เจ้าขวัญกระซิบตอบพอให้ได้ยิน "พี่อยากจะให้เจ้าร่วมอธิฐานกับพี่เสียต่อหน้าศพแม่แกนี่แหละ เผื่อแกจะช่วยเราบ้าง เพราะแกก็รักเจ้าอยู่มากไม่ใช่หรือ เรียม" เรียมอิดออดรังเร จนกระทั่งเจ้าเริญปราดเข้ามาใกล้ แขกเหรื่อพากันตลึงมองเกรงจะเกิดเรื่องขึ้น
"มันจะลบหน้ากันมากไปละมังโว้ย อ้ายขวัญ"
มันช้อนตามองเจ้าเริญคนพูด แล้วยิ้มซีด ๆ กล่าวว่า
"เออ―อ้ายเริญนี่ มึงช่างจ้องจะกินเลือกกินเนื้อแต่กะกูน่ะและ จนกูชักจะรำคาญมึงอยู่แล้ว มึงเห็นไหมล่ะว่า กูแต่งตัวมาวันนี้น่ะ กูตั้งใจมาหาเรื่องกะมึงหรือว่ามาธุระปะปัง"
"ก็มึงทำยังงี้น่ะ ใครดูได้มั่งเล่า มันในโรงนาของกู ก็เท่ากับมึงมาลบลายกูถึงในถ้ำไม่ใช่หรือเล่า" เจ้าเริญพูดรักษาเหลี่ยมคูเจ้าของบ้าน ตาเรืองอดรนทนไม่ได้ เกรงจะเกิดความขึ้นอีก ก็เลยหันเข้าปรามลูกชายว่า