เจ้าเรียมเปนที่พบปะรักใคร่กันตามประสายามยากยามแค้น
อีกวันหนึ่ง เจ้าขวัญได้ความคิดใหม่ในตอนกลางคืน รีบกระซิบบอกนัดแนะเจ้าเรียม วันรุ่งขึ้น มันจะไปคอยที่วัดซึ่งฝังศพแม่เจ้าเรียมไว้ แล้วให้เจ้าเรียมชวนอ้ายรอดไปเปนเพื่อน
รุ่งขึ้น พอเวลาใกล้เพล ตาเรืองกับเจ้าเริญไปนา เจ้ารอดเข็ญเรือเล็กลงคลอง คว้าพายโดดลงนั่งท้าย เจ้าเรียมนั่งหัวคอยวิดน้ำ เจ้ารอดจ้ำเสียพักใหญ่ ๆ ก็ถึงท่าน้ำศาลาวัด ผูกเรือแล้วเรียบร้อย ก็พากันเดินตรงมายังป่าช้าซึ่งเปนที่ฝังศพแม่เจ้าทั้งสอง
หลังป่าช้าเปนทุ่งโล่งต่อจากเขตวัด เจ้าขวัญมาคอยก่อนกำหนดเสมอ เมื่อคอยนานหนักเข้า ก็นึกเบื่อรำคาญที่จะต้องมานั่งคอยคนเดียวในป่าช้า จึงออกทุ่งเดินเล่นกลับไปกลับมาแก้รำคาญ สักครู่จึงกลับมาคอยที่เก่า พบเจ้าเรียมกับเจ้ารอดยืนหัน ๆ รี ๆ
"พี่ขวัญไม่ได้เอาเรือมาด้วยหรอกหรือ"
"เปล่า มันตอบ พี่เดินตัดทุ่งนาแต่เช้า บอกกับพ่อแกว่า จะไปธุระสักครึ่งวัน ม่ายแกจะไม่ปล่อยให้มา เพราะวันนี้จะลงมือหว่านอยู่ด้วย ยืนคอยเจ้าอยู่นานนัก แล้วเลยออกไปเดินแก้รำคาญทางหลังทุ่งโน้น"
ศพแม่เจ้าเรียมฝังไว้ในซุ้มไม้ที่ถางใหม่ เรียมมองไปรอบ ๆ ทิศล้วนแต่หลุมฝังศพทั้งสิ้น ทำให้เธอได้คิดว่า การครองชีพของมนุษย์ทุกชั้นทุกวัยมาสิ้นสุกันลงเพียงป่าช้านี่เอง แม้ระหว่างมีชีวิตอยู่จะดีชั่วมั่งมีศรีสุขหรือยากไร้อย่างไรก็ตาม ผลสุดท้ายหาได้สำนึกกันไม่ว่า หนทางที่จะต้องเดินไปนั้นมีทางรวมอยู่เพียงป่าช้าเท่านั้น
เรียมร้องไห้กระซิก ๆ เปนต้นเหตุชวนเจ้ารอดพลอยร้องไห้ไปด้วยอีกคนหนึ่ง
ขากลับ เจ้าขวัญอาศัยเรือของเรียมมา แม้เรือจะเล็บเพียบปรี่อย่างไร เมื่อเจ้าขวัญผู้ชำนาญในชีวิตธรรมชาติแทบทุกอย่างได้ลงนั่งข้างท้าย ก็รับรองได้ว่า จะไม่ล่มไปได้ พอเข้าคุ้งใกล้จะถึงบ้าน เจ้าขวัญก็โจนลงน้ำ