หยุดที่หลังบ้านตะโกนเรียกชื่อตาของผมอยู่โหวก ๆ
"ใครวะ อ้ายเรือง?" ตาร้องถามผมมาจากห้อง ผมจะไปตอบได้อย่างไร เพราะไม่รู้จัก มองไปก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย ตาจึงลงบันไดเรือนมองลอดใต้ถุนเรือนไปยังหลังบ้าน
"ใครนะมาเรียกฉัน จำไม่ได้ ใครเล่า" ตาตะโกนถามไป
"ทิดหาญจ้ะ ทิดหาญ พี่เจ้าทิดกล้าไงล่ะ" เสียงตะโกนตอบมา ตาได้ฟังแล้วสีหน้าดูไม่ค่อยสดใสนัก ทีท่าไม่ค่อยอยากจะพบปะนัก
"ขี่ม้าอ้อมกระโดงปลาเข้ามาเฮอะ" ตาตะโกนบอกไป และในครู่นั้นเองม้าทั้งสองตัวก็เข้ามาถึงลานดินหน้าเรือน ผมรำคาญหมาที่เห่าแซงเสียงคนอยู่นานแล้ว ยิ่งมีม้าเข้ามาถึงในบ้าน ก็ยิ่งขรมถมเถใหญ่ จึงรีบไล่ขับมันไปทางหลังบ้านเสีย ตาได้เชิญทั้งสองขึ้นเรือน เขาผูกม้าไว้โคนมะยมแล้วก็ขึ้นเรือนไป
"ไปไหนกันมาล่ะยะ?" ตาถาม ยายยกเชี่ยนหมากให้
"มาที่วัดนี่ละย่ะ" คนที่ชื่อหาญพูดแล้วชี้ไปที่ชายหนุ่มอีกคน "นี่เจ้ากล่อม น้องคนเล็ก เฮ้ย ไหว้น้าแม้นเสียสิ เอ็งเกิดไม่ทันหรอก เมื่อรุ่น ๆ ข้าเคยคบหาสมาคมกับน้าแกมา" คนที่ชื่อกล่อมยกมือไหว้ตายาย
"น้าแม้นคงไม่รู้เรื่องอ้ายกล้ามันถูกลอบยิงตายในทุ่งนี้เมื่อสองสามวันมานี่ ฉันเลยเอาศพฝังไว้วัดนี้" ทิดหาญพูด
"เอ๊ะ!" ตาทำร้องออกไปอย่างว่าไม่รู้เรื่อง "ยังไงกันนี่?" ตาพูดแล้วจ้องหน้าทิดหาญจะเอาความจริง
"ยังเอาตัวคนร้ายไม่ได้" ทิดหาญว่า "ฉันน่ะอยู่บ้าน เจ้ากล้าเขาไปธุระที่อำเภออุทัย ขากลับก็ค่ำโขอยู่ เลยถูกลอบยิงตาย มืดแปดด้าน เอาตัวใครไม่ได้ อยากมาถามว่า เมื่อสักสามคืนมานี้ ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าใครผ่านมาทางนี้บ้างไหม"
"เอ! ไม่ได้ยินเลย" ตาพูดแล้วหันมาดูผมและพี่พุก "เอ็งได้ยินมั่งไหม?"
"ไม่ได้ยินเลยจ้ะ ฉันก็นอนดึก ๆ ถ้ามีผ่านมาก็ต้องได้ยิน เงียบ ๆ อย่างนี้ไม่พ้นหูไปได้หรอก" พี่พุกตอบ