หน้า:Phu Thi Mai Mi Rangkai 2547.djvu/208

หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๑๐│๒๑๑

"ผีตายโหงน่ะ ไปปลุกไปเซ่นมันได้เรอะ" ยายพูดอย่างวุ่นวายใจ

"ก็นั่นน่ะซี" ตาว่า "เวรจริง อ้ายพวกนี้ อายุเข้ามาป่านนี้แล้ว ยังไม่รู้จักสงบเสียที มัวแต่วกวนก่อเวรอยู่ มันก็ผู้ใหญ่แล้ว ไม่ใช่เด็ก ๆ อะไร ๆ ปล่อยตำรวจเขาดีกว่า อ้ายทำเองน่ะ มันไม่พ้นการฆ่าแกงกันหรอก" ตาพูดแล้วสั่นหัว

"เจ้าคนนี้น่ะเป็นพี่คนตายเรอะ?" ยายถาม

"ใช่สิ! ก่อนนี้ก็เสือมาด้วยกัน แต่เดี๋ยวนี้ได้ข่าวว่า เป็นผู้ใหญ่บ้านที่หนองตาโล่นั่นแหละ แต่การเป็นผู้ใหญ่บ้านน่ะ ใช่มันจะลบล้างนิสัยเดิมไปได้ก็หาไม่ ถ้ามันยังไม่มีเรื่องขุ่นใจ มันก็วางตัวเป็นผู้ใหญ่บ้านได้ ถ้าลงแค้นขึ้นมา อ้ายตำแหน่งนั้นจะไปคุ้มหัวอะไรมันได้" ตาออกความเห็นเพราะเคยรู้จักกันดีมาแต่เก่าก่อนเมื่อตายังเที่ยวเตร่อยู่

"แต่อะไร ๆ ไม่ร้ายเท่ามาริระยำปลุกผีปลุกสางให้ตื่นขึ้น มันผีตายโหงแท้ ๆ แถวนี้ไม่ใช่ตำบลบ้านมัน มันเป็นตำบลเรา เสือกมาทำให้วุ่น" ยายบ่นแล้วมองหน้าใครต่อใคร แต่ถ้าใครมองหน้าผมละก็ ไม่ต้องพูดละครับ มันก็หน้าจ๋อยซีดเป็นไก่ต้มไปเท่านั้น อายุผมมันก็เพียงสิบห้าหยก ๆ สิบหกหย่อน ๆ จะเอาอะไรมาตั้งสติเล่า พี่พุกหนุ่มก็จริง แต่เขายังได้เคยเป็นทหารมาแล้ว คนที่ออน ๆ ในกลุ่มนี้ก็มีผมกะเจ้าแฟงเท่านั้น

ข่าวการปลุกผีที่หลุมทิดกล้าได้รู้กันไปทั่ว ๆ ในละแวกนั้น ต่างคนต่างไม่พอใจและทุกข์ใจไปตาม ๆ กัน และเกือบทุกวันจะมีหนุ่มใหญ่หน้าเหี้ยม ๆ ขี่ม้ามาไหว้ศพและปลุกเซ่นกันอยู่เสมอ ชาวบ้านเราทั้งรู้และเห็น แต่ใครเล่าจะกล้าไปทักท้วงเขา แม้แต่ท่านพระครูยังพูดไม่ได้ เพราะเขาอ้างว่า ศพญาติเขา เขาก็มาเซ่นไหว้กันตามที่เคารพนับถือ

ต่อมาใคร ๆ ในละแวกบ้านเราไม่มีใครผ่านวัดในเวลาเย็นค่ำเลย ทุกคนหวาดหวั่นหลุมอ้ายกล้าด้วยกันทุกคน พอโพล้เพล้ดวงอาทิตย์ลับทุ่งไปแล้ว สุนัขที่วัดชักจะหอนกันเสียงยาวเยือกเย็น คล้าย ๆ มันเห็นอะไรขึ้นแล้ว เลยพาเอาสุนัขตามบ้านพากันหอนรับไปด้วย เอาละ ถ้าจะว่า มันมักจะหอนตาม ๆ กันไป แต่ก่อนที่เหตุนี้ยังไม่เกิดขึ้นทำไมไม่มีอย่างนี้เล่า ตกค่ำผมเลยถือเป็นกฎเกณฑ์เลยไม่ยอมลงจากบ้าน